เมื่อวานเราได้ไปรับการผ่าตัดใส่เลนส์ ICL เพื่อแก้ไขสายตาสั้น-เอียงมา รักษาเสร็จปุ๊บก็มองเห็นชัดปั๊บ เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนโลกถึงขีดสุดจนอดแชร์ไม่ได้ วันนี้เลยจะขอมารีวิวการทำ ICL ในญี่ปุ่นให้เป็นข้อมูลสำหรับคนสนใจกันครับ

💡 รีวิวนี้เขียนจากประสบการณ์ตรง ไม่ได้รับสปอนเซอร์แต่อย่างใด
ความเห็นในบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ประสบการณ์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจทำ

ข้อสรุปง่ายๆ สำหรับคนสายตาสั้น/เอียงและรำคาญการใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์… ถ้ามีเงินก็ทำ ICL ไปเลย ไม่เจ็บ ไม่น่ากลัวซักนิด!

ICL คืออะไร

ICL = Implantable Collamer Lens คือการผ่าตัดเพื่อใส่เลนส์เสริมเข้าไปในลูกตาเพื่อแก้ปัญหาสายตาสั้น/เอียง/ยาว

คลิปการจำลองการผ่าตัด

ข้อมูลรีวิวการรักษาที่ไทยลองอ่านได้ที่นี่ครับ รีวิวการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม Phakic Intraocular Lens / ICL จุดต่างคือการผ่าของเราผ่าทีเดียวสองข้าง เสร็จแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ข้อดีข้อเสียเมื่อเทียบกับเลสิค

พูดถึงการรักษาสายตาสั้น ทุกคนคงนึกถึงเลสิคกันก่อน เราก็นึกถึงเหมือนกัน แต่พอหาข้อมูลแล้วก็พบว่า ICl ดีกว่าเลสิคแทบทุกด้าน เลยตัดสินใจทำ ICL แทน

รูปเปรียบเทียบขั้นตอนการทำ ICL กับ LASIK

รูปเปรียบเทียบขั้นตอนการทำ ICL กับ LASIK รูปจาก https://www.oshimaganka.com/icl/

สำหรับคนที่จะรักษาจริงจัง ก็แนะนำให้หาข้อมูลเปรียบเทียบ ปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษา แต่ส่วนตัว เราเลือก ICL เพราะเหตุผลหลักสองข้อนี้

  1. เป็นการรักษาที่ย้อนกลับได้ - ICL แค่ใส่เลนส์เข้าไป ไม่ต้องขูดกระจกตา จึงไม่สูญเสียเนื้อเยื่อร่างกาย หากจำเป็นก็ผ่าถอดเลนส์ออกได้
  2. แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว - ICL แค่ผ่าตาเปิดรูเล็กๆ ในขณะที่เลสิคต้องเปิดกระจกตาเป็นฝาวงกลม ขนาดแผลต่างกันมาก (3mm vs 28mm)

อนึ่ง คลินิคที่เราไปรักษา เขียนถึงข้อดีข้อเสียของ ICL เมื่อเทียบกับเลสิคไว้อย่างละเอียด ถ้าสนใจสามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ที่ ICL(眼内コンタクトレンズ)のメリット・デメリット

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายที่ SBC Shinjuku Kinshi Clinic ที่เราไปรักษารวม 573,500 เยน (ประมาณ 170,000 บาท) รายละเอียดค่าใช้จ่ายเป็นดังนี้

  • ค่ารักษาและค่าเลนส์พื้นฐาน 460,000 เยน
  • ค่าเลนส์สายตาเอียงข้างละ 50,000 เยน: สองข้าง 100,000 เยน
  • ค่ารักษาเพิ่มเติมกรณีสายตาสั้นมากกว่า 500: ข้างเดียว 38,500 เยน

รวมค่าใช้จ่าย 598,500 หักลบส่วนลดจากคูปองเพื่อน 25,000 เยน เหลือ 573,500 เยน

ค่าใช้จ่ายนี้รวมค่าตรวจสายตา ค่าตรวจหลังผ่าเป็นเวลาหนึ่งปี และรับประกันกรณีสายตาเปลี่ยนเป็นเวลาสามปี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแฝง

ถ้าเทียบกับเลสิค แบบพื้นฐาน 154,000 เยน แบบดีที่สุด 264,000 เยน ICL ก็แพงกว่ามากโขอยู่ จะคุ้มหรือไม่คุ้มก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนครับ

อนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการรักษาสายตาสั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ (医療費控除) เท่าที่คำนวณ เราจะได้ภาษีกลับมาประมาณ 142,050 เยน ((573,500 - 100,000) * 30%) ค่าลดหย่อนนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เราตัดสินใจทำ ICL ครับ (จำนวนเงินที่ลดหย่อนจะแตกต่างกันตามรายได้)

Timeline การรักษาที่ SBC Shinjuku Kinshi Clinic

ตึกที่ตั้งของ SBC Shinjuku Kinshi Clinic

ตึกที่ตั้งของ SBC Shinjuku Kinshi Clinic

Timeline การรักษาของเราเป็นดังนี้

  1. 24 ธ.ค. 2021 ตรวจวัดสายตาโดยละเอียด และปรึกษากับ counselor (ฟรี ตรวจเสร็จจะไม่ทำก็ได้)
  2. 26 ธ.ค. 2021 ตัดสินใจรักษา ICL โทรไปคอนเฟิร์มและจ่ายเงินค่ารักษาทั้งหมดผ่านระบบออนไลน์ คลินิคสั่งซื้อเลนส์วันนี้ทันที
  3. 27 ธ.ค. 2021 คลินิคแจ้งวันได้เลนส์ วันที่ 6 ม.ค. แต่ตารางผ่าของหมอวันศุกร์-เสาร์ค่อนข้างเต็มยาว เลยจองผ่าได้วันศุกร์ที่ 21 ม.ค.
  4. 18 ม.ค. 2021 เริ่มหยอดยาฆ่าเชื้อวันละ 4 ครั้ง
  5. 21 ม.ค. 2021 ผ่าตัดใส่เลนส์
  6. 22 ม.ค. 2021 ตรวจผลการผ่าวันรุ่งขึ้น

จากนั้นก็ต้องไปให้หมอตรวจสภาพตา 1 สัปดาห์ / 1 เดือน / 3 เดือน / 6 เดือน / 1 ปีให้หลัง เพื่อให้มั่นใจว่าเลนส์ที่ใส่เข้าไปจะไม่เคลื่อนผิดตำแหน่ง

เนื่องจากหลังวันผ่าจำเป็นต้องไปตรวจอีกรอบ เราเลยจองโรงแรมใกล้ๆ คลินิคเพื่อเข้าไปพักหลังผ่าเสร็จทันที จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไปกลับบ้านซึ่งอยู่นอกตัวเมือง

รายละเอียดวันผ่าใส่เลนส์

ในวันตรวจสายตา คลินิคจะให้ยาหยอดตาฆ่าเชื้อทั้งสำหรับเลสิคและ ICL (คนละชนิดกัน) ให้เราพกกลับบ้าน ไม่ว่าเราจะเลือกทำแบบไหนก็จะได้ไม่ต้องเดินทางไปรับยาอีกรอบให้เสียเวลา

ในวันผ่า เมื่อไปถึงตามเวลานัด พนักงานก็จะมาหยอดยาขยายม่านตา สลับกับยาชาให้เรา รู้สึกจะรวมๆ สามเซ็ตในเวลา 60 นาที ขั้นตอนนี้ยังนั่งอยู่ที่ห้องรอคิวทั่วไปกับผู้ใช้บริการคนอื่น เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไร พอหยอดยาได้ซักสิบนาทีก็เริ่มอ่านมือถือไม่ออกละ ทำอะไรไม่ได้นอกจากการนั่งเฉยๆ สงบสติอารมณ์

อนึ่ง บรรยากาศที่นี่ไม่เหมือนโรงพยาบาลซักนิด เลยไม่อยากใช้คำว่าพยาบาล-คนไข้เท่าไร พนักงานก็ใส่ชุดต้อนรับปกติ ไม่ได้ใส่ชุดผ่าตัดแบบพยาบาล ส่วนผู้รับการรักษาก็ใส่ชุดธรรมดา ไม่ต้องเปลี่ยนชุดอะไรเลยเช่นกัน จึงขอใช้คำว่าพนักงานกับลูกค้าละกัน

เมื่อครบ 60 นาที พนักงานก็จะเช็คว่าม่านตาเราเปิดกว้างรึยัง เมื่อเช็คแล้วก็บอกให้เตรียมรอเรียกเข้าห้องผ่าตัด ให้ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเก็บของทุกอย่างเข้าล็อคเกอร์ให้เรียบร้อย

จากนั้นพนักงานก็เรียกเข้าห้องรอผ่าตัด เป็นห้องส่วนตัวที่กั้นด้วยผ้าม่าน มีเก้าอี้นวมนุ่มๆ ให้นั่งผ่อนคลาย มีเพลงกล่อมช่วยให้ relax มาก นั่งเสร็จก็มีพยาบาลที่รับผิดชอบเรามา (คนนี้ใส่ชุดพยาบาลจริง) หยอดยาเพิ่ม จำไม่ได้ว่าอะไรบ้างแต่น่าจะเป็นยาชาสลับกับยาฆ่าเชื้ออีกประเภท แล้วก็ให้สวมหมวกผ้าเพื่อเก็บผมไม่ให้ออกมารบกวนการผ่าตัด

พยาบาลเข้ามาหยอดตาเราทุกๆ ห้านาที รวมทั้งสิ้น 5 รอบ ตอนแรกๆ ยังมีความรู้สึก โดนยาหยอดตาหยดใส่ต้องกะพริบตา แต่ประมาณรอบที่สามก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เปิดตาค้างรับยาได้เลย เป็นสัญญาณว่ายาชาออกฤทธิ์ชัดเจน

เมื่อหยอดยาครบก็ถึงเวลาผ่า พยาบาลพาเราไปหาหมอที่ห้องตรวจตาซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนเข้าห้องผ่า เราได้หัวหน้าคลินิคเป็นหมอผู้ลงมือผ่า (เห็นโฆษณาว่าผ่ามาแล้วมากกว่าหนึ่งหมื่นคน กราบ) หมอใช้เครื่องส่องดูตาเรา แล้วก็มาร์กตำแหน่งตาเพื่อใส่เลนส์ให้ตรงที่ เห็นว่ามีอะไรที่เหมือนปากกามาจิ้มลูกตาแหละ แต่ไม่รู้สึกอะไรแล้วตอนนั้น

จากนั้นก็ไปห้องผ่าตัดในที่สุด ห้องนี้เป็นห้องขาวๆ มีเก้าอี้แบบเก้าอี้หมอฟันอยู่ตรงกลางตัวเดียว ให้เราลงนอน พยาบาลเอาผ้ามาคลุมตัว แล้วก็เอาผ้าปิดหน้าที่เปิดรูเฉพาะตรงตาข้างที่จะผ่ามาปิดหน้า

เริ่มการผ่าที่ตาขวาก่อน พยาบาลนำเทปมาติดข้างล่างและข้างบนหนังตา จากนั้นก็วางที่ครอบตาให้ปิดตาไม่ได้ ก่อนผ่านี่กลัวขั้นตอนนี้มาก คือจินตนาการไม่ออกว่าคนเราจะรู้สึกยังไงเวลาที่ปิดตาไม่ได้ คำตอบก็คือ… ไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะยาชา 555+ ไม่มีความรู้สึกอยากปิดตาซักนิดเดียว

พอเซ็ตติ้งพร้อม ก็เริ่มปฏิบัติการ ขั้นตอนแรกคือฉีดน้ำล้างลูกตา ให้เรามองขึ้นบนซ้ายขวาระหว่างฉีดน้ำ จากนั้นหมอก็ปรับเครื่องฉายไฟลงมาฉายบนลูกตา ให้เรามองข้างบนตรงๆ อย่าขยับ เราก็มองตรงๆ นิ่งๆ แล้วหมอก็หยิบมีดมาผ่าเปิดรูตา ใช้อุปกรณ์ล้างข้างในตา เสร็จแล้วก็สอดเลนส์เข้ามา วินาทีที่เลนส์เข้ามาคือเห็นภาพค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างรู้สึกได้ อารมณ์คล้ายๆ ใส่แว่นครึ่งลูกตาอะไรอย่างนั้น พอเลนส์เข้าเสร็จหมอก็ใช้อะไรซักอย่างมาคลี่เลนส์ ขยับเลนส์ให้เข้าที่ แล้วก็ล้างตาอีกรอบ รวมทั้งหมดนี้ไม่น่าถึงห้านาที ทุกอย่างไวมาก ไม่มีความลังเลหรือผิดพลาดใดๆ ตอนขยับเลนส์ก็น่าจะครั้งเดียวจบเลย สัมผัสได้ถึงความเชี่ยวชาญจริงๆ

ตอนล้างตากับตอนใส่เลนส์เป็นช่วงที่รู้สึกประหลาดมาก เห็นน้ำไหลผ่าน ไฟผ่าตัดพร่าๆ ติดๆ ดับๆ ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่วินาทีที่ตะลึงสุดคือตอนที่หมอปรับเลนส์ให้เข้าที่แล้วนี่แหละ เห็นไฟเพดานแค่แว้บเดียวก่อนหมอปิดตา แต่เห็นชัดแล้ว โอออออ นี่หรือสายตาคนปกติ สุดยอดดดดดด (ประทับใจได้วินาทีนึงก่อนโดนเอาผ้าปิดตา 555)

ผ่าตาขวาเสร็จ ก็ต่อตาซ้ายทันที แบบเดิมเด๊ะ ไม่ตื่นเต้นกับการโดนผ่าแล้ว แต่ตื่นเต้นที่จะได้เห็นโลกที่ชัดเจนหลังผ่าเสร็จมากกว่า ฝั่งตาซ้ายเราเป็นตาที่ไม่ถนัด (ถนัดตาขวา) เลยมองเห็นตอนผ่าไม่ค่อยชัด ความรู้สึกเลือนลางกว่าตาขวา ยิ่งพอรู้ว่าจะโดนอะไรบ้างแล้วก็ยิ่งทำใจง่าย ชิวสุดๆ ไม่เกินห้านาทีก็เสร็จ

ระหว่างผ่า หมอบอกตลอดว่าจะทำอะไรบ้าง เลยไม่มีความกังวลก็จริง แต่ทุกอย่างเป็น pattern มากๆ ไม่มีบทสนทนาอื่นๆ ซักนิด ให้อารมณ์เหมือนผ่าตัดกับหุ่นยนต์นิดๆ ถ้าใครอยากให้หมอคอยปลอบ คอยใส่ใจความรู้สึกอาจจะไม่เหมาะเท่าไร แต่สำหรับเราคือเหมาะมาก คือมันไม่เจ็บไง ไม่ต้องพูดพล่ำทำเพลง รีบๆ ทำให้เสร็จอย่างนี้ดีกว่า ฮ่าๆ

ผ่าเสร็จสองข้างปุ๊บพยาบาลก็พาออกไปนั่งพักที่ห้องรอผ่าตัด เก้าอี้นุ่มๆ ตัวเดิมเปลี่ยนแค่ตำแหน่ง (ตัวแรกมีลูกค้าคนต่อไปนั่งเรียบร้อย หมุนไวสุดๆ) ให้ปิดตานั่งเฉยๆ 15 นาที ไม่มีอุปกรณ์ปิดตาอะไร นั่งเฉยๆ เอนหลังแบบสบายตัว ครบเวลาก็ออกจากห้องรอผ่าตัด ไปห้องรอคิวข้างนอก พนักงานอีกคนมาเรียกไปตรวจความดันภายในลูกตา ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ไปห้องหมอเป็นครั้งสุดท้าย หมอส่องดูตาเราไม่กี่วินาทีก็บอกว่า “ผ่าตัดสำเร็จด้วยดีครับ เชิญกลับบ้านได้ รักษาตัวดีๆ ด้วย” เป็นอันจบทุกขั้นตอนวันนี้

ยาที่ได้รับมาให้หยอดหลังผ่าเสร็จจนกว่าจะหมด

ยาที่ได้รับมาให้หยอดหลังผ่าเสร็จจนกว่าจะหมด

อาการหลังผ่าเสร็จ

หลังผ่าเสร็จต้องใส่แว่นป้องกันตาเวลาเดินข้างนอก และสายตาก็ยังพร่าๆ จากฤทธิ์ยาขยายม่านตา ตอนเดินจึงยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองสายตาดีเท่าไร แต่หลังจากนอนพักที่โรงแรมถึงเย็น ออกไปกินมื้อเย็นข้างนอก ก็เห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว (แต่ยังมองไฟไม่ได้เพราะแสงสว่างจ้ามาก)

แว่นป้องกันตา

แว่นป้องกันตาที่คลินิคแจกให้ฟรี

ตกกลางคืนถึงฤทธิ์ยาชาจะหมด แต่เราก็ไม่รู้สึกเจ็บหรือคันใดๆ แค่รู้สึกแสบนิดๆ เวลาปิดตาแรงๆ ตอนกะพริบตาเฉยๆ ไม่มีปัญหาเลย แว่นป้องกันตาพนักงานบอกให้ใส่เฉพาะตอนออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ในบ้าน เวลานอนก็นอนตามปกติได้ สบายมากจนไม่น่าเชื่อว่านี่เราเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาสดๆ ร้อนๆ มีจุดที่ลำบากก็แค่การต้องหยอดยาหยอดตา 3 ชนิดวันละ 4 ครั้ง กับการห้ามขยี้ตาและห้ามน้ำเข้าตาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง

วันรุ่งขึ้นตื่นมาพร้อมความประทับใจ ไม่ต้องหยิบแว่นใส่ก็เห็นห้องชัดเจน มองกระจกเห็นหน้าตัวเองที่ไม่ใส่แว่นชัดแจ๋วเป็นครั้งแรกในรอบ 20 กว่าปี โอวววววว รู้สึกคิดถูกที่ตัดสินใจทำ ICL ก็ตอนนี้นี่แหละ

ผลการตรวจสายตาวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างปกติไม่มีปัญหา ภาพชัดประดุจใส่แว่นอยู่ตลอดเวลา วัดค่าสายตาออกมาที่ 1.5 (1.5 เท่าของสายตาปกติ) เห็นทุกอย่างชัดเจน กลับบ้านได้อย่างสบายใจครับ

Impression รีวิวความประทับใจ

ประสบการณ์การผ่า ICL รักษาสายตาสั้นครั้งแรก (และหวังว่าจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต) นี้ถือว่าดีกว่าความคาดหมายมากๆ เหตุผลหลักๆ ก็ดังนี้

1. ขั้นตอนทุกอย่างรวดเร็วมาก

สิริเวลาที่ใช้ ถึงคลินิค 11:15 เข้าห้องรอผ่า 12:10 เสร็จทุกอย่าง 13:30 สองชั่วโมงกว่า รวดเร็วจนประทับใจมากๆ เห็นได้ถึงความช่ำชองของหมอ และการงานทุกอย่างที่ optimized ถึงขีดสุด

เราโชคดีตรงที่เลนส์มีอยู่ในสต๊อกในประเทศ ไม่อย่างนั้นอาจต้องรอ 1-3 เดือนกว่าจะได้เลนส์ นี่เป็นข้อเสียจริงๆ ข้อเดียวของ ICL ก็ว่าได้ คือต้องใช้เวลารอเลนส์ ไม่เหมือนเลสิคที่อยากทำก็ทำได้เลยถ้าตาพร้อม

2. ไม่เจ็บทั้งตอนทำและหลังทำ

อย่างที่ได้เล่าไป คือไม่รู้สึกเจ็บอะไรใดๆ แม้ตอนที่เขียนบล็อกหลังผ่าเสร็จแล้วหนึ่งวันตอนนี้ เวลาอยู่บ้านไม่จำเป็นต้องใส่แว่นปิดตาให้อึดอัดแต่อย่างใด แค่ต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวังตานิดหน่อยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง

3. ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

ส่วนตัวคือก่อนทำ ICL กลัวมาก การผ่าตัดตาที่เราหนีไปไหนไม่ได้ หลับตาไม่ให้เห็นภาพสยองไม่ได้เนี่ย แค่คิดก็จะเป็นลม แต่พอทำจริง ปรากฏว่ายาขยายม่านตาทำให้เราโฟกัสไม่ได้ มองอะไรไม่ชัด ประกอบกับสายตาที่สั้นอยู่แล้ว พอถอดแว่นก็แทบจะไม่เห็นอะไร เลยไม่น่ากลัวเลยซักนิดเดียว

สรุป

ลาก่อนแว่นสายตาทั้งหลายที่เคยมี

ลาก่อนแว่นสายตาทั้งหลายที่เคยมี

สำหรับคนสายตาสั้น/เอียงและรำคาญการใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์… ถ้ามีเงินก็ทำ ICL ไปเลย ไม่เจ็บ ไม่น่ากลัวซักนิด! (พูดเหมือนตอนต้นเด๊ะ 555)

เราไม่ได้ทำเลสิคเลยไม่รู้ว่าจะเจ็บกว่ามั้ย แต่เท่าที่อ่านดู เลสิคต้องดูแลรักษาตัวเองหลังผ่าเยอะกว่า (เพราะแผลใหญ่กว่า) เพราะฉะนั้น ICL ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าถ้าอยากทำตัวสบายๆ หลังผ่าเสร็จ

คูปองส่วนลดสำหรับผู้ที่สนใจทำ ICL ที่ SBC Shinjuku Kinshi Clinic

แน่นอนว่าข้อเสียของ ICL คือราคาที่แพงบรรลัย สำหรับคนอยู่โตเกียวและคิดจะทำ ICL หรือ Lasik ที่ Shinjuku Kinshi Clinic สามารถใช้เลขคูปองนี้เพื่อรับส่วนลด 1-3 หมื่นเยน (ส่วนลดขึ้นอยู่กับการรักษา) ได้ แค่กรอกข้อมูลนี้ในฟอร์ม counseling ที่จะได้รับหลังจองตรวจสภาพสายตาครับ

① 紹介者の診察券番号
48125

② 紹介者の名前
ロークニヨム チャッチャイ

③ クーポンコード
sbc0149

Disclaimer: หากใช้คูปองส่วนลดนี้ เรา (ผู้แนะนำ) จะได้รับเงิน cashback กลับมา 1-2 หมื่นเยน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจรักษาสายตาด้วยการใส่เลนส์เสริม ICL นะครับ พอไม่ต้องใส่แว่นแล้ว ชีวิตก็สะดวกสบายขึ้นเยอะ ส่วนตัวตอนนี้คือเฝ้ารอวันตัดผมครั้งถัดไปมากๆ จะได้เห็นผมตัวเองในกระจกที่ร้านตัดผมซักที เป็นความฝันเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ 555+