เกริ่นนำ

ผมได้วันหยุดยาว 9 วันช่วง Silver Week ของญี่ปุ่น เลยลองแพลนทริปยาวเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกดู เป็นทริป 6 วัน 5 คืนจากโตเกียว บทความนี้จะเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวครั้งนี้ครับ

แผนเที่ยว

เส้นทางการวิ่งทั้งหมด วิ่งวนทวนเข็มนาฬิกา ระยะทางรวม 1,333 กิโลเมตร

ทริป 6 วันนี้ ที่จริงเป็นการตามรอยอนิเมะไปซะ 3 วัน (ถ้าไม่มีการตามรอยอนิเมะคงไม่ได้แพลนทริปนี้ 555) เดินทางวันที่ 20 กันยายนถึง 26 กันยายน 2021

เส้นทางวิ่งคร่าวๆ คือ

  1. จากโตเกียวออกไปหาภูเขาไฟฟูจิ อ้อมฟูจิทางเหนือไปยังแคมป์ Fumotoppara แคมป์บนทุ่งหญ้ากว้างที่ภูเขาไฟฟูจิ ลองตั้งแคมป์ครั้งแรกในญี่ปุ่น
  2. ขึ้นเหนือไป Matsumoto จังหวัด Nagano หาเพื่อนที่อยู่ที่นั่น
  3. ออกไปจังหวัด Gifu เที่ยว Kamikochi
  4. ขับผ่านภูเขาไป Shirakawago แล้วลงมาพักที่ Gero Onsen
  5. ขับลงตัวเมือง Gifu เที่ยว Gifu Castle แล้วลงใต้ไป Nagoya ออกไปพักที่ Hamamatsu จังหวัด Shizuoka
  6. เที่ยว Hamamatsu และกลับโตเกียว

วันที่ 1 Fumotoppara Camp Site แคมป์กลางที่ราบกับภูเขาไฟฟูจิและพระจันทร์เต็มดวง

ออกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ Tricity 155 บรรทุกของสำหรับตั้งแคมป์เต็มที่

Yamanaka Lake

ไต้ฝุ่นเพิ่งพัดผ่านญี่ปุ่นไปเมื่อหนึ่งวันก่อนเที่ยว วันนี้ฟ้าเลยใสมากๆ เห็นภูเขาไฟฟูจิชัดเจน

ถนนหมายเลข 139

ถนนที่เชื่อมเหนือใต้จากฝั่งตะวันตกของภูเขาไฟฟูจิ มองเห็นฟูจิตลอดข้างทางที่วิ่ง อดหยุดแวะถ่ายรูปไม่ได้ มีจุดให้จอดรถถ่ายรูประหว่างทางเยอะมากกกกก

Fumotoppara Camp

Fumotoppara แคมป์ที่รินจัง (Yurucamp) ไปตั้งแคมป์คนเดียวแล้วนาเดชิโกะจังตามไปทำนาเบะให้ รายละเอียดภาพในเรื่องดูได้ที่เว็บการท่องเที่ยวจังหวัดยามานาชิ

อุปกรณ์ตั้งแคมป์ฉบับมือใหม่

ตั้งเตนท์ข้างมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ฟ้าใสกิ๊ง เห็นฟูจิชัดเจน คนส่วนใหญ่ขับรถเข้ามาตั้งแคมป์กัน มอเตอร์ไซค์มีเป็นส่วนน้อย

แสงสีแดงยามเย็น

ภูเขาไฟฟูจิกับพระจันทร์เต็มดวง สวยตราตรึงใจมากๆ ต้องมานอนแคมป์กลางทุ่งหญ้าแบบนี้ถึงจะได้เห็น คุ้มค่ากับความลำบากครับ

อาหารมื้อเย็น ข้าวสวยกับอาหารสำเร็จรูป แค่ต้มก็กินได้ แต่ได้บรรยากาศดีจากแสงตะเกียงมาเพิ่มความอร่อย 10 เท่า

อนึ่ง ที่ตั้งแคมป์นี้อยู่ที่ความสูง 830 เมตร ตอนกลางวันแดดร้อนเปรี้ยง ส่วนตอนกลางคืนก็หนาวเหน็บ วันที่ผมนอนเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ตกกลางคืนข้างในเตนท์อากาศราว 16 องศา แต่ตอนเช้าตีสี่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นคือ 12 องศา หนาวจนตื่นเลย…

วันที่ 2 Nagano Venus Line ถนนผ่าภูเขาสวยจับใจ

Fumotoppara Camp

วันที่สองเริ่มต้นด้วยการดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูเขาไฟฟูจิ สิทธิพิเศษของคนตั้งแคมป์เท่านั้น วิวนี้ดูได้จากฝั่งตะวันตกเท่านั้น ดังนั้น สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ฝั่งตะวันออกของภูเขาอย่าง Kawaguchi Lake / Yamanaka Lake จะไม่เห็นวิวแบบนี้

อุณหภูมิตอนเช้า

Tateishi Park

ขับขึ้นเหนือไปราวๆ 100 กิโลเมตร ก็ถึงสวนสาธารณะที่มองเห็น Suwa Lake ได้ทั่ว สัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ของทะเลสาบที่เป็นโมเดลของเรื่อง Kimi no Na wa ได้เลย

Venus Line - Kirigamine Mountain

ถนนวิ่งผ่าภูเขาที่สวยอย่างถึงที่สุด มองเห็นทั้งวิวภูเขาถัดไปและวิวเมืองจากที่สูง ควรค่าแก่การขับรถชมวิวยิ่งนัก

Matsumoto Castle

ปราสาทมัตสึโมโตะ ภาพของเช้าวันถัดไป แวะมาเมืองนี้ก็ต้องถ่ายซักรูปหนึ่ง

วันที่ 3 Kamikochi แม่น้ำสายสวยบนที่ราบสูง

ทางขับจาก Matsumoto ไป Okuhida เป็นทางบนภูเขา คดเคี้ยวสนุกสนานมาก

Hirayukan

เรียวกัง+ออนเซ็น หรูหราใช้ได้ในราคาย่อมเยา (8,800 เยนรวมมื้อเช้าเย็น)

ห้องนอนญี่ปุ่นแท้ๆ เปิดหน้าต่างมองไปเห็นสวนญี่ปุ่นชวนสงบใจ

อาหารมื้อเย็นบุฟเฟต์ กินให้หนำใจ

Kamikochi

สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของแอเรีย Okuhida ห้ามรถยนต์ส่วนตัวขับขึ้นไป จึงต้องนั่งบัสไปเท่านั้น ค่ารถบัสไปกลับ 2,090 เยน ตอนนี้ใบไม้ยังสีเขียวอยู่ ถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วคงจะสวยจับใจมากๆ

Kappa Bridge

สะพานไอคอนของ Kamikochi ถ่ายคู่กับแม่น้ำ Azusa สีสวยจริงๆ

Myojin Bridge & Myojin Pond

เดินประมาณหนึ่งชั่วโมงจาก Kappa Bridge ก็จะถึงจุดวิวสวยอีกจุด น่าเสียดายที่เมฆครึ้มๆ ฝนทำท่าจะตก ภาพเลยไม่ค่อยสวย + เหนื่อยกับการเดินมาก จะเดินต้องขาฟิตพอควรแหละ

ทางเดินไป Myojin Bridge เดินง่าย เป็นเนินนิดๆ แต่ไม่ถึงกับต้องปีนเขา ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีคงจะสวยมากๆ ตลอดเส้นทาง

วันที่ 4 Shirakawago ตามรอยอนิเมะ Higurashi no Naku Koro ni ณ หมู่บ้านในอดีต

วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในทริป เพราะจะได้ไปหมู่บ้านต้นแบบ Hinamizawa ในเรื่อง Higurashi no Naku Koro ni ซึ่งตอนนี้กำลังฉายอนิเมะภาค Sotsu อยู่พอดี ดูทุกสัปดาห์ อยากไปเยี่ยมสถานที่จริงมาก

Shirakawago

เลือกขี่ฝ่าภูเขาไป ถนนสาย 360 ทางแคบคดเคี้ยวขึ้นลงเขา รถสวนกันไม่ได้ ไม่แนะนำให้ขับรถไปอย่างยิ่ง

Shiragawago จากจุดชมวิว ในหัวคือมองว่าที่นี่เป็นหมู่บ้าน Hinamizawa ไปแล้ว เป๊ะมาก

หลังคาบ้านที่นี่ทำด้วยฟางและหญ้าอัดแน่น เรียกว่า Gassho-zukuri เป็นวิธีสร้างบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณ หมู่บ้านนี้ยังคงรักษามรดกนี้ไว้จนถึงวันนี้ หลายบ้านมีคนอยู่อาศัยจริงๆ

บ้านริกะจัง ตรงเนินเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว

บ้านซาโตโกะ อยู่ถัดๆ กันไป

เนินเขา USODA!!! อันลือชื่อ

ศาลเจ้า Furude เอ้ย ศาลเจ้า Shirakawa Hachiman

ไปถึงช่วงที่ต้นข้าวออกรวง กำลังจะเก็บเกี่ยว ทุ่งนาเลยเป็นสีเหลืองทองสวยงาม ถ้าจะไปถ่ายวิวหน้าร้อนในเรื่องฮิกุราชิ ก็ต้องไปช่วงเดือน 6-9 นี้ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากไปดูวิวหน้าหนาวด้วย คงสวยมากๆ เหมือนกัน

Gero Onsen

สถานี Gero เมืองออนเซ็นของกิฟุ โรงแรมเรียวกังมากมาย

พักที่ Boukansen โรงแรมญี่ปุ่นแท้ แช่น้ำร้อนกินอาหารดีๆ ฟิน (12,500 เยนรวมอาหารเช้าเย็น)

วันที่ 5 Gifu Castle มองเมืองนาโกย่าจากภูเขาสูง

ในที่สุดก็จะได้ลงจากภูเขา กลับสู่ที่ราบซักที อากาศอุ่นขึ้นอย่างชัดเจน

Gifu Castle

ปราสาทกิฟุ ตั้งอยู่บนภูเขา ต้องขึ้นโรปเวย์ไป มองเมืองกิฟุ-นาโกย่าที่ขยายไปสุดลูกหูลูกตา

Gifu Kawaramachi

ย่านเมืองเก่าข้างปราสาทกิฟุ ให้อารมณ์เกียวโตนิดๆ มีร้านขายของจิปาถะญี่ปุ่น น่าเดินเล่นอยู่

Nagoya Osu

เมืองที่ผมเคยอยู่มาสองปีครึ่ง มารำลึกความหลัง หาของกินเดินกินเล่น

นกพิราบกับวัด Osu Kannon เป็นของคู่กันเสมอ

แมวกวักสัญลักษณ์เมือง

Nagoya Sakae

ชิงช้าสวรรค์ของ Sunshine Sakae ที่ตั้ง SKE48 Theater เมื่อก่อนปั่นจักรยานมาดูเธียเตอร์บ่อยมาก 555

วันที่ 6 Hamamatsu ตามรอยอนิเมะ Yurucamp กินปลาไหลร้าน Sakume

วันตามรอย Yurucamp อีกหนึ่งวัน เป็นวันที่เดินทางสนุกที่สุดในทริปเลยก็ว่าได้ ช่วงเช้าอยู่รอบๆ ทะเลสาบ Hamanako ช่วงบ่ายออกเดินทางไปทางตะวันออกจนถึงแหลม Omaezaki จุดใต้สุดของจังหวัด Shizuoka

Bentenjima Seaside Park

สวนสาธารณะริมทะเลที่มองเห็นสะพาน Hamana Ohashi กับ Torii กลางน้ำ เป็นโมเดลที่ท่องเที่ยวที่โผล่ในเรื่อง เลยมีป้ายตั้งบอกให้รู้ว่าสาวๆ นักแคมป์ได้ยึดสถานที่นี้แล้ว

สะพานทางรถไฟ เป็นจุดดักถ่ายรถไฟวิ่งได้ ถ้าจังหวะดีๆ ก็จะมีชินกันเซ็นวิ่งผ่านด้วย

Hamanako-Sakume Station

สถานีเล็กๆ ทิศเหนือทะเลสาบ Hamanako โดนยึดครองโดยสมบูรณ์แบบ รถไฟที่วิ่งขบวนละคันก็ร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดสกรีนลายยุรุแคมป์เต็มยศ

Unagi Sakume

ร้านข้าวหน้าปลาไหลข้างสถานี แฟนเรื่อง Yurucamp มารอกินกันเต็ม ผมไปจองคิวสิบโมงนิดๆ ได้กิน 11:30 หลังร้านเปิดราวครึ่งชั่วโมง

ข้าวหน้าปลาไหลไซส์ใหญ่ 4,100 เยน พ่อครัวสับปลา ย่างให้เห็นกันตรงหน้า อร่อยเลิศล้ำ

Mitsuke Tenjin Yanahime Shrine

กระโดดมาเมือง Iwata ทางตะวันออกของ Hamamatsu กับศาลเจ้าสุนัข คนที่มีสัตว์เลี้ยงก็จะมาขอพรให้สัตว์เลี้ยงตัวเองอายุยืนนานกันที่นี่

Ryuyokaiyo Koen Auto Camping Ground

แคมป์ที่โผล่ในเรื่อง Yurucamp ไม่ได้พักเลยเข้าไปข้างในไม่ได้ แต่วิวรอบๆ ก็สวยมาก

ถนนเลียบแม่น้ำกับกังหันลม ลมเย็นสบาย ขับรถฟินสุดๆ

ปากแม่น้ำเป็นทะเล รับลมทะเลคู่กับลมแม่น้ำไปพร้อมๆ กัน

Omaezaki Lighthouse

จุดสุดท้ายของทริป ประภาคารที่ตั้งอยู่ ณ​ แหลม Omaezaki จุดใต้สุดของจังหวัด Shizuoka

วิวทะเลยามพระอาทิตย์ตกดินสวยจับใจ

ป้ายบอกพิกัดใต้สุด บอกให้รู้ว่าเราเดินทางมาไกลขนาดไหนแล้ว จากนี้ก็ขึ้นทางด่วนขับกลับโตเกียวยาวๆ สามชั่วโมง

สรุป

ก็จบไปแล้วสำหรับทริปเดินทางคนเดียว 6 วันเต็ม มีแต่ที่ที่ไม่เคยไปทั้งนั้น ต้องขอบคุณอนิเมะ​ Higurashi no Naku koro ni และ Yurucamp ที่นำสถานที่จริงมาเป็นฉาก เราเลยมีไฟออกเดินทางขนาดนี้

สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ถ้าไปเฉยๆ ก็แค่ไปถ่ายรูป ดูวิวที่ถูกเตรียมไว้ แต่พอเป็นการตามรอยอนิเมะ ก็เหมือนไปตามหาขุมทรัพย์ หาจุดที่โผล่ในเรื่อง เลยรู้สึกสนุกกว่ากันมากๆ ประทับใจ Shirakawago สุดเพราะได้เห็นฉากที่คุ้นเคยจากอนิเมะที่เคยดูตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน (แก่จังเรา…) แค่ได้เดินในหมู่บ้านนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกของฮิกุราชิแล้ว ดีที่ไปตอนกลางวัน กลางคืนคงหลอน กลัวโดนปังตอสับแน่ๆ 555

ทริปนี้เริ่มต้นด้วยการตามรอย Yurucamp และจบด้วย Yurucamp เช่นกัน วันแรกไปตั้งเตนท์ นอนแคมป์ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น สัมผัสถึงความลำบากและความไม่สะดวกหลายๆ อย่าง แต่พอได้มองพระจันทร์เต็มดวงกับพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าสวยๆ กลางทุ่งหญ้ากว้างขวางใต้ฟ้าโปร่ง ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่สินะเหตุผลที่คนชอบตั้งแคมป์กัน เพราะจะได้สัมผัสธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองอย่างนี้นี่เอง ส่วนการตามรอยสถานที่ที่ Hamamatsu ก็สนุก ได้ขับเลียบทะเลสาบ ขับตามหาวิวในเรื่อง ให้ความรู้สึกว่านี่คือการเดินทางอันมีเป้าหมายที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง

สำหรับการตามรอยอนิเมะทั้งสองเรื่อง ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกเยอะที่ไม่ได้เขียนในบทความนี้ ไว้จะทำคลิปหรือไม่ก็เขียนบทความแยกอีกทีครับ มีจุดเล็กๆ ที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นเพียบเลย ชอบการใช้อนิเมะเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นอย่างนี้จริงๆ!

แหล่งอ้างอิงการตามรอยสถานที่ในอนิเมะ