วันนี้ผมจะมาพาเที่ยวเกาะอิคิ (壱岐島 - Iki no Shima)เกาะใหญ่ของนางาซากิที่ตั้งอยู่เหนือจังหวัดฟุกุโอกะ ภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นเกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องตำนานเทพเจ้า หินลิง และทะเลอันสวยงามกันครับ

แนะนำเกาะอิคิ

ตำแหน่งเกาะอิคิ รูปจาก https://liginc.co.jp/343614

เกาะอิคิ เป็นเกาะของจังหวัดนางาซากิที่มีคนอาศัยอยู่ พื้นที่ 138.6 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดฟุกุโอกะ อยู่ระหว่างคิวชูกับเกาะทสึชิมะ เกาะที่ใกล้ประเทศเกาหลีที่สุดของญี่ปุ่น เกาะอิคิถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่พอสมควร ถ้าใช้รถขับวนรอบก็จะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครับ

ที่มาของการเดินทางครั้งนี้

ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัย MPD - The Graduate School of Project Design ซึ่งเป็นม.ธุรกิจสำหรับคนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เป้าหมายเพื่อสร้างบุคลากรที่สามารถตั้งบริษัทของตัวเอง สร้างเซอร์วิสใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

ทางม.ได้มีโครงการร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นในโปรเจ็กต์ Cool Japan เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่ดู “คูล” ในสายตาคนต่างชาติให้คนต่างชาติมาเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เพื่อกระตุ้นให้ต่างจังหวัดสามารถพัฒนาตัวเองจนสามารถดึงดูดคนต่างชาติมาเที่ยว มาอยู่อาศัยได้ด้วย ผลลัพธ์ก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัด ให้ผู้คนมีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการโปรดิวส์ตัวเองนั่นเอง

โปรเจ็กต์ Cool Japan ครั้งนี้เลือกเกาะอิคิเป็นสถานที่ทำวิจัย ผมและคณะนักเรียนกับอาจารย์รวมเกือบสิบคนจึงได้มาลงสำรวจพื้นที่ มองหาดูว่าจะนำอะไรมาใช้เป็นวัตถุดิบโปรดิวส์ได้ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่าจะนำเสนอโครงงานจัด Art Festival บนเกาะอิคินี้ ทางทีมคนญี่ปุ่นก็จะประสานงานกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกันไป ส่วนผมในฐานะคนต่างชาติคนเดียว ก็ขอรับหน้าที่นำเสนอเสน่ห์ของเกาะอิคิ ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจไปกัน จึงเป็นที่มาของบล็อกเอ็นทรี่นี้ครับ

วิธีเดินทางจากสถานีฮากาตะไปยังเกาะอิคิ

อิคิเป็นเกาะ การเดินทางจึงต้องใช้เรือไปกัน วิธีที่แนะนำคือให้ขึ้นเรือเร็ว Jet Foil ไป ใช้เวลาเดินทางเร็วสุด 65 นาทีครับ แต่ถ้าใครอยู่จังหวัดนางาซากิแล้ว ก็อาจขึ้นเครื่องบินจากสนามบินนางาซากิไปได้ ใช้เวลา 30 นาที

การเดินทาง เร่ิมต้นจาก**สถานีฮากาตะ (Hakata) **สถานีศูนย์กลางของจังหวัดฟุกุโอกะกันเลย อันดับแรกเราต้องไปขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งหน้าสู่ท่าเรือฮากาตะ (Port of Hakata) กันก่อน

สถานีฮากาตะ จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

หน้าสถานีฮากาตะมีป้ายรถบัสเยอะมาก ถ้ามาครั้งแรกอาจจะงง จุดขึ้นรถบัสไปท่าเรือจะอยู่ที่ตึกสีส้มๆ ตรงข้ามสถานี ต้องข้ามทางม้าลายไปขึ้นครับ** ขึ้นบัสเบอร์ 99 จากป้าย F หน้าตึกสีส้ม ลงที่สุดทาง Hakata Port ได้เลย **ค่าโดยสาร 230 เยนครับ

ป้ายบัสอยู่หน้าตึกส้มๆ เป็นตึกของธนาคาร Nishi Nippon City Bank

ป้ายบัสที่เราจะขึ้นกัน ป้าย F ตัวโตๆ

บัสเบอร์ 99 ประมาณ 10 นาทีมาคันนึง ไม่ต้องรอนานมาก

เมื่อบัสจอดที่ท่าเรือ สิ่งที่สะดุดสายตาสุดก็คงไม่พ้นหอคอย **Hakata Port Tower **สัญลักษณ์ของท่าเรือนี้ เป็นหอคอยสูง 70 เมตร ขึ้นไปชมวิวได้ฟรี ถ้ายังมีเวลาก็ขึ้นไปดูวิวอ่าวฮากาตะจากข้างบนเล่นๆ กันได้ครับ

Hakata Port Tower อาคารสัญลักษณ์โดดเด่นของท่าเรือฮากาตะ

ระวัง! เรือที่ออกไปเกาะอิคิมีสองประเภทคือเรือเร็ว Jet Foil กับเรือช้า Ferry เมื่อลงจากบัสแล้วจะเห็นป้ายชี้ทางไปเกาะอิคิ ซึ่งถ้าไปทางนั้นจะเป็นท่าเรือช้า Ferry อย่าตามไป ให้มองย้อนกลับมาที่เทอร์มินัล 1 จะเป็นที่ขึ้นเรือเร็วไปกันครับ อย่าหลงไปผิด

อาคาร Passenger Terminal No.1 ที่ขึ้นเรือ Jet Foil ไปเกาะอิคิ

เรือ Jet Foil “VENUS” ที่ออกไปเกาะอิคิ ให้บริการไปกลับวันละ 3-4 รอบแล้วแต่ฤดู เช็คตารางออกเรือล่าสุดได้ที่เว็บ https://www.kyu-you.co.jp/en/route/index.php ครับ

ตอนที่ผมไป เรือออกจากอ่าวฮากาตะ 3 รอบต่อวันคือ 8:00, 10:45 และ 15:45 จุดหมายปลายทางบนเกาะอิคิของแต่ละรอบต่างกัน รอบ 8:00, 15:45 ไปลงที่ท่าเรือ Gonoura ส่วนรอบ 10:45 ที่ผมไปจะไปลงที่ท่าเรือ Ashibe

ตารางเดินเรือ

ต่อแถวซื้อตั๋วโดยสาร ควรเผื่อเวลามาซื้อก่อนเรือออกไม่ต่ำกว่า 30 นาที

ก่อนซื้อต้องไปหยิบใบสีเหลืองๆ นี้เพื่อระบุรอบที่จะขึ้นและชื่อผู้โดยสาร

ใบซื้อตั๋วโดยสาร Jet Foil

ค่าโดยสารไปกลับ ผู้ใหญ่ 8,400 เยน เด็ก 4,200 เยนครับ หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยก็นั่งรอในอาคารจนถึงเวลาเรือออก ก็เดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือกัน

เดินไปท่าเรือ

เรือ Venus ที่จะพาเราไปเกาะอิคิ เป็นเรือเร็ว บรรทุกผู้โดยสารได้ 257 คนครับ

เรือ Venus

ที่นั่งภายในเรือก็เป็นเบาะอย่างดี ปรับอากาศเรียบร้อยไม่ต้องกลัวร้อนกลัวหนาว มีร้านขายของให้ซื้อขนมกินกัน Wi-Fi ก็มีแต่ตอนผมไปต่อเน็ตไม่ติดเลยซะงั้น อาจจะใช้ไม่ได้นะครับ ส่วนคลื่นมือถือใช้ได้เกือบตลอดเส้นทาง เพราะเส้นทางที่เรือวิ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ข้ามออกไปไหน

ที่โดยสาร

หลังออกเดินทางได้ 65 นาที ก็ถึงที่หมาย ท่าเรือ Ashibe เกาะอิคิครับ จากนี้เราจะได้ออกเดินทางไปดูสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะกัน

ท่าเรือ Jetfoil อ่าว Ashibe

วิธีเดินทางในเกาะอิคิ

เกาะอิคิเป็นเกาะใหญ่ก็จริง แต่ความเจริญถือว่าเข้าข่ายบ้านนอกของญี่ปุ่น ไม่มีรถไฟ รถบัสมาชั่วโมงละคัน ทำให้เดินทางลำบากมาก ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเช่ารถขับครับ ถ้ามีใบขับขี่สากล ก็สามารถเช่ารถได้จากหน้าท่าเรือเลย

หน้าท่าเรือ Ashibe ข้างหน้าที่เห็นคือร้านเช่ารถ

ส่วนถ้าใครขับรถไม่ได้ ต้องขึ้นบัส​ ก็มีบัสอยู่บ้าง แต่มาสองชั่วโมงหนึ่งคันอะไรอย่างนี้ ค่อนข้างหวังพึ่งยาก เรียกแท็กซี่อาจจะดีกว่าครับ อนึ่ง ป้ายรถบัสไม่ได้อยู่หน้าท่าเรือ Jetfoil ต้องเดินออกไปนิดหน่อยตามที่แผนที่บนตารางเวลาชี้ไว้ ถ้าจะรอบัสก็ระวังกันด้วย

ตารางรถบัสจากท่าเรือ

สำหรับคนที่จะเดินทางด้วยบัส มีทางเลือกคือ

  1. ดูโมเดลคอร์สท่องเที่ยวและเดินทางตามได้ที่ http://iki-kotsu.com/bus/emc.htm
  2. ดูตารางบัสแล้ววางแผนจาก http://iki-kotsu.com/bus/noriai.htm

ทั้งสองเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ + อ่านเข้าใจยากมาก (อยากให้ปรับปรุงจริงๆ…) ไม่แนะนำเท่าไรครับ เหมาะสำหรับคนมาเที่ยวโซโลคนเดียว ถ้ามาเป็นกลุ่มไม่เช่ารถก็เรียกแท็กซี่ดีกว่า

สถานที่ท่องเที่ยว

ศาลเจ้าโคจิมะ (小島神社)

สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะอิคิ ขึ้นชื่อว่ามีเทพเจ้ามากมาย ก็ต้องไปศาลเจ้ากันก่อน เริ่มที่ศาลเจ้าโคจิมะ(小島神社)เป็นศาลเจ้าอยู่บนเกาะเล็กๆ ยื่นเป็นติ่งออกไปจากแผ่นดิน​ สามารถเดินไปได้ตอนน้ำลงเท่านั้น ถ้าน้ำขึ้นทางเดินจะจมหายไปเลย

เส้นทางสู่ศาลเจ้าโคจิมะ

ทางเดินยื่นทอดสู่เกาะกลางผืนน้ำ

โทริอิ ประตูทางเข้าศาลเจ้า

อนึ่ง ผมไม่ได้ไปถ่ายรูปมา แต่บนเกาะปลายทางจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อพบกับตัวอาคารศาลเจ้า ให้อธิษฐานขอพรได้ ถ้าได้ไปก็แนะนำให้เดินขึ้นไปดูกันหน่อยครับ

หินรูปหัวใจระหว่างทางเดิน ลองหากันให้เจอนะ

พิพิธภัณฑ์อิคิ (一支国博物館)

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้สำหรับผู้มาเยือนเกาะอิคิ ที่นี่จะบอกเล่าประวัติความเป็นมาของเกาะ อารยธรรมเครื่องปั้นดินเผา การค้าขายกับคนจีนในอดีต

พิพิธภัณฑ์อิคิ

อาคารพิพิธภัณฑ์

ค่าเข้าชมอยู่ที่ 400 เยน เปิดทำการเวลา 8:45-17:30 น. เว็บไซต์ http://www.iki-haku.jp/

ทางเข้าห้องบรรยายวัฒนธรรม

ไกด์อธิบายตำแหน่งศาลเจ้าต่างๆ บนเกาะ

เครื่องปั้นดินเผาสมัยก่อน จับต้องได้อิสระ

โมเดล miniture จำลองชีวิตคนสมัยก่อน แสดงถึงการล่องเรือไปค้าขายกับประเทศจีนด้วย

พิพิธภัณฑ์ยังมีหอชมทิวทัศน์ให้ขึ้นไปดูวิวรอบเกาะจากที่สูงได้ด้วย

วิวจากข้างบน

วิวฝั่งทะเล

ร้านขายของฝากพิพิธภัณฑ์ สินค้าที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะก็คือ**ตุ๊กตาหินหน้าคน **สร้างมาจากซากหินดินเผารูปเหมือนหน้าคนที่ขุดพบในโบราณสถานฮารุโนะสึจิที่จะไปกันต่อครับ สนใจก็ซื้อกลับไปตั้งโชว์เล่นได้

ตุ๊กตาหินหน้าคน

มุม COZIKI นิตยสารนำเสนอวัฒนธรรมเกาะผสมกับศิลปะสมัยใหม่

โบราณสถานฮารุโนะสึจิ (原の辻遺跡)

บริเวณนี้เคยเป็นเมืองที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ของผู้คนสมัยยาโยอิ (300 ปีก่อนค.ศ. ~ ประมาณค.ศ.300) จัดว่าเป็นโบราณสถานล้ำค่าของประเทศญี่ปุ่นเพราะมีโบราณสถานเพียงสามที่เท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยยาโยอิ เรียกว่านี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะอิคิก็ว่าได้ ที่นี่เคยเป็นตลาดนานาชาติ มีการค้นพบเงินตรา ข้าวของเครื่องใช้จากต่างประเทศมากมาย

โบราณสถานฮารุโนะสึจิ

บ้านสมัยก่อน เข้าไปชมข้างในได้

ภายในบ้าน

ซารุอิวะ หินลิง (猿岩)

สถานที่ต่อไป ผมนั่งรถยาวไปถึงฝั่งตะวันตกของเกาะ เพื่อชมซารุอิวะ หินรูปลิง จุดถ่ายรูปยอดฮิตของเกาะอิคิกัน เผื่อใครดูไม่ออก มองดีๆ จะเห็นว่าหินเหมือนหน้าลิงที่หันไปทางซ้ายมากๆ

ป้ายบอกสถานที่ ซารุอิวะ

วิวเต็มๆ

หินลิงแบบชัดๆ

ไอเดียถ่ายรูปของสาวๆ ภาพจาก https://www.walkerplus.com/article/142516/image802379.html

ข้างๆ หินลิงมีร้านขายของฝาก เข้าไปอุดหนุนกันได้ครับ แนะนำปลาหมึกอบแห้ง กินเล่นๆ อร่อยดี

ร้านของฝาก

ปลาหมึกอบแห้ง

ท่าเรือคัตสึโมโตะ (勝本港)

ท่าเรือคัตสึโมโตะ อยู่ทางเหนือสุดของเกาะ นอกจากจะเป็นอ่าวประมงแล้วก็ยังเป็นย่านชุมชนในระดับหนึ่ง ที่พักในเที่ยวทริปนี้ของผมก็อยู่ที่นี่แหละครับ

อ่าวจอดเรือยามเช้า

อ่าวเรือ หน้าร้อนสามารถมาขึ้นเรือล่องวนรอบหมู่เกาะทางเหนือได้ด้วย

เดินขึ้นทางเหนือของท่าเรือคัตสึโมโตะ จะมี Dolphin Park สวนปลาโลมา เปิดทำการ 8:30-17:00 สามารถไปชมการแสดงและสัมผัสปลาโลมาได้ด้วย

Dolphin Park ภาพจาก https://www.nagasaki-tabinet.com/guide/746/

ส่วนบริเวณย่านคัตสึโมโตะเองก็เป็นเมืองเก่า มีบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเรียงรายให้เดินเล่นเพลิดเพลินได้ ให้บรรยากาศเมืองแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ไร้การแต่งแต้มสีสันครับ

วิวบ้านสองข้างทาง

ร้านผลไม้ ขายแยมทำเองอร่อยๆ

ศาลเจ้าทางทิศเหนือ

รถบัสที่สองชั่วโมงมาคัน…

ศาลเจ้าทสึกิโยมิ(月讀神社)

จุด Power Spot ของเกาะอิคินี้ เป็นสถานที่กำเนิดเทพเจ้าทสึคุโยมิโนะมิโกโตะ ถือเป็นต้นตำรับของศาลเจ้าทสึกิโยมิที่มีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลย มากราบไหว้ไว้เป็นศีลแก่ตัวครับ

ทางขึ้นศาลเจ้า ตัวอาคารศาลอยู่บนเนินกลางป่า เพิ่มความขลังมาก

ขอพรให้ชีวิตมีความสุข

ภาพศาลเจ้าจากด้านหน้า

โรงผลิตโชจู อิคิโนะคุระ (壱岐の蔵酒造)

โชจูเป็นเหล้าที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมานาน เกาะอิคินี้ก็มีโรงผลิตโชจูชื่อดังอยู่เช่นกัน ที่ที่คณะผมมาก็คืออิคิโนะคุระ เป็นโรงผลิตโชจูที่มีข้าวสารเป็นวัตถุดิบหลัก เราสามารถไปทัศนศึกษาโรงผลิตได้เลยโดยไม่ต้องนัดจองล่วงหน้า ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ซื้อโชจูเป็นของฝากกลับไปแทน) เวลาทำการ 9:00-16:30 เว็บไซต์ http://ikinokura.co.jp

อาคารโรงผลิต

โชจูหลากหลายประเภทให้ลองชิม ต้องอายุ 20 ปีขึ้นไปถึงดื่มได้นะ

โรงบ่มโชจู

ดูการหมักข้าว

เตาหมักข้าว

ถังบ่ม ต้องเก็บไว้อย่างนี้ถึงห้าปี

ขวดโชจูขนาดยักษ์ให้ถือถ่ายกันเท่ๆ โชจูแบรนด์ Iki no Shima ตรงๆ ตัวตามชื่อเกาะอิคิ ขายดีอันดับหนึ่ง

หาดคุโยชิ(清石浜)

หาดทรายสวยที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรืออาชิเบะนัก ขับรถประมาณ 10 นาทีก็ถึง หน้าร้อนจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพื่อเล่นน้ำทะเลกัน แต่ตอนผมไปหน้าหนาวอุณหภูมิเลขหลักเดียวก็จะไม่มีคนแบบนี้ สีน้ำทะเลกับหาดทรายตัดกันสวยมาก น่ามาเดินริมทะเลถ่ายรูป ภาพอย่างนี้หาที่เมืองอื่นยาก เพราะจะมีคนเดินไปมาเต็มไปหมด

หาดคุโยชิ

ถนนทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

จะเห็นได้ว่าไม่มีคนเลย ทั้งหาดเป็นของเราคนเดียว

สีน้ำทะเลสวย สะอาดปราศจากขยะใดๆ

อาหารการกิน

จบเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว ต่อมาก็ขอรีวิวอาหารที่ทานไประหว่างทางกันครับ อนึ่ง อาหารชื่อดังของเกาะอิคินี้คือหอยเม่นสดๆ เนื้อวากิวอิคิ และโชจูข้าวที่ได้เห็นกันในโรงงาน

ร้านวากิว อุเมะชิมะ

ร้านขายเนื้อวากิวสดๆ ชั้นดี และก็เป็นภัตตาคารให้นั่งกินได้ด้วย อยู่ติดกับท่าเรืออาชิเบะเลย อาคารสีส้มๆ มองหาไม่ยาก ลงเรือแล้วแวะทานเลยได้ครับ

ร้านอุเมะชิมะ ทางเข้าส่วนภัตตาคารอยู่ด้านขวานะ

ป้ายหน้าร้าน

ชุดมื้อกลางวันวากิวอิคิ ที่ละ 2,300 เยน ได้กินวากิวในราคานี้ก็ถือว่าไม่แพง

ย่างเนื้อกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นุ่มลิ้นไม่ผิดหวัง

Mochajava Cafe

คาเฟ่ที่ท่าเรือคัตสึโมโตะ สร้างโดยการรีฟอร์มบ้านเก่าซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว เปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ผสมร้านอาหาร เป็นที่สังสรรค์ของผู้คนละแวกนี้กัน ของขึ้นชื่อคือเบอร์เกอร์เนื้อวากิวอิคิ ราคา 900 เยน

หน้าร้าน Mochajava Cafe

บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้กลิ่นอายโบราณนิดๆ

ชุดเบอร์เกอร์วากิว

มินาโตะยะ(みなとや)

เกสต์เฮาส์ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารด้วย อยู่ใกล้ๆ หาดคุโยชิ ที่นี่ก็สร้างโดยการรีฟอร์มบ้านเก่าที่ไม่มีคนอยู่แล้วมาเปิดใหม่เช่นกัน ถ้าจะหาที่พักใกล้ๆ ท่าเรืออาชิเบะ ในระยะที่เดินได้ ก็เลือกพักที่นี่ได้ครับ ค่าพัก 3,000 ~ 5,000 เยน แล้วแต่ห้องและช่วงเวลา มีคนต่างชาติมาพักเยอะพอสมควร ใช้ภาษาอังกฤษได้ เว็บไซต์ http://www.minatoya-guesthouse.com

ป้ายมินาโตะยะ

ตัวอาคาร ชั้นบนเป็นห้องพักเกสต์เฮาส์

ล็อบบี้ พื้นที่ส่วนรวมของผู้พัก

ชุดอาหารกลางวันที่นี่มีจุดเด่นคือการใช้วัตถุดิบจากบนเกาะแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผัก ข้าว เนื้อสัตว์ แม้กระทั่งซอส สนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงบนเกาะสุดๆ

ชุดอาหารกลางวัน 1,500 เยน เมนูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน

แกงกะหรี่

ปลาผัดซอส

ไอศกรีมปิดท้าย

โคล่าทำเอง รสแสบคอกว่าโค้กทั่วไป แต่ก็อร่อยครับ

สถานที่พัก

เกสต์เฮาส์ LAMP

เกสต์เฮาส์บริเวณท่าเรือคัตสึโมโตะ เป็นที่พักของผมในทริปนี้ อาคารทำด้วยไม้ ให้บรรยากาศอยู่อาศัยเมืองเก่า ข้างในตกแต่งสวยงาม ถ่ายรูปขึ้นแน่นอนครับ ห้องมีให้เลือกสองประเภทคือห้องส่วนตัวและห้องรวมสไตล์แคปซูล (กว้างกว่าโรงแรมแคปซูลเยอะอยู่) ส่วนห้องน้ำห้องอาบน้ำเป็นของส่วนรวมครับ

ค่าที่พักห้องรวมอยู่ที่ประมาณ 4,000 เยน ห้องส่วนตัวประมาณ 10,000 เยน ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://lamp-guesthouse.com/iki/ ครับ

อาคารเกสต์เฮาส์ LAMP

ห้องรวมสไตล์ Dormitory

ห้องพักสองคน กว้างขวางนอนสบาย

ห้องนอนสี่คนจะมีฟูกให้ปูนอนบนเสื่อสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้เพิ่มเข้ามา

LAMP Cafe

ร้านอาหารข้างเกสต์เฮาส์ เป็นที่ทานมื้อเย็นและมื้อเช้าได้ครับ มื้อที่พวกผมทานเป็นอาหารชุด ราคา 2,000 เยน ส่วนค่าเครื่องดื่มต้องบวกเพิ่มเองอีกที วัตถุดิบก็เป็นของบนเกาะอิคิเช่นกัน อยากบอกว่าปลาดิบสดมากๆ อร่อยคุ้มค่าราคาครับ

ทางเข้าร้านอาหาร LAMP

การตกแต่งเครื่องครัวภายในร้าน สวยมาก

ชุดปลาดิบ

โอเด้ง

สรุปเส้นทางเดินทางและค่าใช้จ่าย

วันที่ 1 19/1/2019

  • 10:45-11:50 ท่าเรือฮากาตะ - ท่าเรืออาชิเบะ
  • 12:00 ทานชุดวากิวที่ร้านวากิว อุมะชิมะ
  • 13:20-13:30 นั่งรถไปยังเกาะโคจิมะ
  • 13:50-14:00 นั่งรถไปพิพิธภัณฑ์อิคิ
  • 15:30-15:35 นั่งรถไปโบราณสถานฮารุโนะสึจิ
  • 15:50-16:15 นั่งรถไปหินลิง ซารุอิวะ
  • 16:30-17:00 นั่งรถไปท่าเรือคัตสึโมโตะ แวะร้าน Mochajava Cafe ทานเบอร์เกอร์
  • 18:00 เข้าที่พัก LAMP
  • 18:30 ทานมื้อเย็นที่ LAMP Cafe

วันที่ 2 20/1/2019

  • 8:00 ทานมื้อเช้าที่ LAMP Cafe เดินสำรวจย่านคัตสึโมโตะ
  • 9:50-10:05 นั่งรถไปศาลเจ้าทสึกิโยมิ
  • 10:20-10:25 นั่งรถไปโรงผลิตโชจู อิคิโนะคุระ
  • 11:00-11:10 นั่งรถไปหาดคุโยชิ
  • 11:20-11:25 นั่งรถไปเกสต์เฮาส์มินาโตะยะ ทานอาหารกลางวัน
  • 12:40-13:15 เดินสำรวจเมืองย่านอาชิเบะ
  • 13:25-13:30 นั่งรถไปท่าเรือ Jetfoil อาชิเบะ ซื้อของฝาก
  • 14:25-15:30 ขึ้นเรือ Jet Foil กลับฮากาตะ

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับทริปสองวันหนึ่งคืนจากฟุกุโอกะ รวมทั้งสิ้น 29,760 เยนต่อคน + ค่าของฝากตามศรัทธา

  • ค่าบัสจากสถานีฮากาตะไปกลับท่าเรือฮากาตะ 460 เยน
  • ค่าตั๋ว Jetfoil ไปกลับท่าเรือฮากาตะ-ท่าเรืออาชิเบะ 8,400 เยน
  • ค่าเหมารถตู้วันที่ 1 30,000 เยน (10 คน) หารเหลือคนละ 3,000 เยน
  • ค่าอาหารเที่ยงร้านวากิว 2,000 เยน
  • ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 400 เยน
  • ค่าเบอร์เกอร์ Mochajava Cafe 900 เยน
  • ค่าอาหารเย็น LAMP 2,000 เยน
  • ค่าที่พัก LAMP 10,000 เยน (รวมมื้อเช้า)
  • ค่าแท็กซี่คันใหญ่จาก LAMP - ศาลเจ้าทสึกิโยมิ - โรงผลิตโชจู - หาดคุโยชิ - มินาโตะยะ ประมาณ 6,000 เยน หารเหลือคนละ 600 เยน
  • ค่าอาหารเที่ยงมินาโตะยะ 2,000 เยน จากมินาโตะยะไปท่าเรือ เจ้าของร้านใจดีพาไปส่งให้ฟรี

ส่งท้าย

อันดับแรกก็ขอบคุณผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ ยาวมาก 555 ก็หวังว่าบล็อกนี้จะทำให้ผู้อ่านสนใจจะไปเที่ยวเกาะอิคิมากขึ้นครับ เกาะนี้เป็นเกาะที่มีคนไปน้อยเพราะต้องขึ้นเรือไปหนึ่งชั่วโมง และการเดินทางในเกาะไม่สะดวก แต่เพราะมีคนไปน้อยนี่แหละ ถ้าเราไปเที่ยวก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่คนอื่นไม่ได้สัมผัสกัน สำหรับคนที่เที่ยวญี่ปุ่นจนรู้สึกว่าเบื่อ หรือคนที่เคยไปคิวชูวนจนครบรอบแล้วคิดว่าไม่มีอะไรให้ไปอีก ก็อยากบอกให้รู้ว่า เกาะอิคิ นี่แหละ ที่ยังรอให้คุณมาสำรวจอยู่ ขอให้ไปเที่ยวกัน สัมผัส Unseen Japan กันให้ได้นะครับ! (เช่ารถขับเที่ยวกันนะ จะมีความสุขกว่ารอบัสเยอะ)

นั่งเรือ Venus กลับสู่ฮากาตะ ลาก่อนทะเลสีสวยและท้องฟ้าปลอดโปร่งของเกาะอิคิที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ