Musical AKB49 ~Renai Kinshi Jourei~

วันนี้ผมได้มีโอกาสดู**ละครเพลง (มิวสิคอล) AKB49 ~Renai Kinshi Jourei~ **ที่แสดงระหว่างวันที่ 11-16 กันยายน 2014 ณ โรงละคร AiiA Theater Tokyo จึงจะขอเล่าเนื้อเรื่องและความประทับใจให้ทุกท่านอ่านกันครับ เว็บออฟฟิเชียล: http://www.nelke.co.jp/stage/akb49/

top_img_path

IMG_20140912_123122

AiiA Theater Tokyo

เรื่องย่อ

ละครเพลง AKB49 นี้ดัดแปลงมาจากมังกะ AKB49 เล่ม 1-3 เป็นเรื่องราวของอุราคาวะ มิโนรุ นักเรียนชายม.ปลายหน้าสวยที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงสมัครออดิชั่น AKB48 เพื่อช่วยผลักดันโยชินากะ ฮิโรกะ เพื่อนสาวที่เขาแอบชอบให้ผ่านออดิชั่น แต่ตัวเองก็ดันผ่านเข้าไปเป็นสมาชิก AKB48 ด้วย เรื่องวุ่นๆ ก็เลยเริ่มต้นขึ้น ใครจะไปคิดว่ามีผู้ชายอยู่ใน AKB48 กันล่ะ!?

นักแสดงหลัก - บท

  1. มิยาซาวะ ซาเอะ - อุราคาวะ มิโนริ/อุราคาวะ มิโนรุ
  2. โคจิมะ มาโกะ - โยชินากะ ฮิโรโกะ *สลับกันแสดงกับโอวาดะ นานะ ผมดุวันที่โคจิมะ มาโกะแสดง เป็นการแสดงครั้งแรกของเธอ
  3. สุดะ อาการิ - โอกาเบะ ไอ
  4. ตัวประกอบชาย A - มัตสึมุระ คาโอริ
  5. ตัวประกอบชาย B - ทานิ มาริกะ — มาดูคนนี้

IMG_20140913_012925

IMG_20140912_123846

ซุ้มดอกไม้มาริกะ

เมมเบอร์คนอื่นๆ ตามนี้ รวม 16 คนพอดีครับ

  • 梅田綾乃(AKB48)
  • 大島涼花(AKB48)
  • 岡田奈々(AKB48)
  • 川本紗矢(AKB48)
  • 内山 命(SKE48)
  • 山下ゆかり(SKE48)
  • 坂口理子(HKT48)
  • 飯野 雅(AKB48研究生)
  • 谷口めぐ(AKB48研究生)
  • 森田彩花(NMB48研究生)
  • 山尾梨奈(NMB48研究生)
  • 日野陽仁

ตั๋วเข้าชม

ความประทับใจโดยรวม

คำเตือน: สปอยล์มังกะเล็กน้อย

มิวสิคอล AKB49 เป็นการผสมผสานเพลงอันเปี่ยมด้วยเนื้อหาของ AKB48G เข้ากับเรื่องราวที่สะท้อนความพยายามของเมมเบอร์ตั้งแต่ตอนออดิชั่น ฝึกซ้อมในฐานะเคงคิวเซย์ และขึ้นสเตจครั้งแรก

ผมดูแล้วประทับใจตลอดเรื่องเลย สาเหตุหลักก็เพราะการตีบทแตกของเมมเบอร์นักแสดงทั้ง 16 คน ทุกคนแสดงอารมณ์สนุก อารมณ์ความสุข อารมณ์ความเศร้าทะลุ 200% ของคนปกติ ยิ่งเป็นเรื่องราวที่อิง AKB48 จริง ยิ่งทำให้แต่ละคำพูดของพวกเธอมีน้ำหนักเข้าไปอีก

จุดสำคัญของมิวสิคอลนี้คือ ทุกคนร้องเพลงกันสดๆ ไม่มีขยับปากตาม ทำให้ได้เสียงที่สื่ออารมณ์นักแสดงขณะนั้นออกมาตรงๆ อย่างเพลง Miniskirt no Yousei ก็สัมผัสถึงความช่างฝันอยากเป็นไอดอลของฮิโรโกะ (โคจิมาโกะ)ได้ชัดเจน เพลง Mushi no Ballad ก็สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้ากลางสายฝนของโอกาเบะ (อาการิน) และมิโนริ (ซาเอะ) ที่สิ้นหวังจากภารกิจอันแสนเข็ญ… ไม่มีคอนเสิร์ตหรือโคเอ็นครั้งไหนๆ ที่ทำให้ผมซาบซึ้งไปกับความหมายของเนื้อเพลงได้ขนาดนี้ อากิโมโตะเซ็นเซย์แต่งเพลงออกมาได้วิเศษจริงๆ

แม้เสียงเพลงที่ร้องสดจะไม่ตรงคีย์ มีเสียงสั่นเครือออกมาบ้างเป็นบางครั้ง แต่**ความจริงจังของเมมเบอร์ทุกคนที่สวมบทเป็นเคงคิวเซย์ AKB48 ซึ่งต้องพยายามอย่างสุดชีวิต **ก็ทำให้ผมประทับใจมากแล้วครับ ละครเพลงนี้เป็นละครเพลงที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาเลย

ละครเพลง AKB49 สื่อ** “ความพยายามเอาชนะอุปสรรค” **อันเป็นจุดขายของการเติบโตของเมมเบอร์ AKB48G ออกมาให้สัมผัสกับตัวจริงๆ ไม่ใช่ผ่านจอหนังอย่าง Documentary ผมมั่นใจว่า 100% ของคนดู ต้องประทับใจจนลืมหายใจอย่างน้อยฉากหนึ่งแน่นอน “บรรยากาศ” ที่เมมเบอร์สร้างขึ้นนั้น สร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้เหนือเกินคำบรรยายจริงๆ ครับ

เนื้อหาละคร

คำเตือน: สปอยล์เนื้อเรื่องละครเต็มที่

จะขอใช้เพลงแต่ละเพลงเป็นตัวแทนฉากแต่ละฉากนะครับ ในแต่ละฉากมีการร้องเพลงและบทพูดแบ่งกันอย่างลงตัว ไม่มีอารมณ์สะดุดเลยครับ

~คำเตือนผู้ชม~ คาโอตันกับมาริกะ ในฐานะตัวประกอบสุดฮา ออกมาเตือนผู้ชมให้ปิดมือถือ ห้ามยิงมิกซ์ ห้ามคอลเมมเบอร์ ห้ามใช้ไซเลียม ยกเว้นเฉพาะเพลงที่จะให้สัญญาณอนุญาต ท่าทางเตือนของสองคนนี้ฮาสุดฤทธิ์มาก เล่นมุข ดาเมะโย่ ดาเมะดาเม้~ โอเวอร์แอคติ้งสุดๆ 55 ทำเอาทุกคนเชื่อฟังกันหมด

~เปิดเรื่อง~ ย้อนอดีตมิโนรุ (นักแสดง: ซาเอะ) ที่เคยเป็นพิทเชอร์ซึ่งทุ่มเทให้กับชมรมเบสบอลเต็มที่ แต่ปรากฏว่าในการแข่งรอบสุดท้ายก่อนไปโคชิเอ็น แขนเขากลับเกิดพลิก ปาบอลพลาดให้อีกฝ่ายตีได้ ฝันที่จะไปโคชิเอ็นจึงแตกสลาย

~M01 Seishun Girls~ (สาวน้อยวัยรุ่น) เปิดเพลงเต้นในห้องเรียนม.ปลาย มีการหยอกล้อกันตามประสา แต่พอเป็นมิวสิคอล ความโอเวอร์ก็เต็มที่ ลากโต๊ะลากเก้าอี้ ผลักกันไปมาสนุกสุดใจ

เริ่มเรื่อง เหล่านักเรียนชายต่างเปิดหนังสือกราเวียร์ AKB48 ชมกัน ถามมิโนริว่าชอบใคร มิโนริบอกว่าไม่สนซักคน ทุเรศกันหมด แต่ทันใดนั้น ฮิโรโกะ นางเอกก็มาคว้าหนังสือ แล้วพูดเสียงดังว่าอย่ามาว่า AKB นะ และวิ่งหนีไป มิโนรุที่แอบชอบเธอก็ถึงกับช็อค วิ่งตามออกนอกห้องเรียนไปทันที พวกหนุ่มๆ ในห้องก็ขำใหญ่ (มาริกะในชุดนักเรียนชายใส่แว่นเด็กเรียนใหญ่ๆ กรอบดำ หล่อมากกกกกกก #$’%$%&’()

~M02 Miniskirt no Yousei~ (ภูตในมินิสเกิร์ต) มิโนรุวิ่งตามฮิโรโกะมาจนถึงระเบียงนอกห้องเรียน ขอโทษขอโพยใหญ่ ฮิโรโกะก็ไม่ว่าอะไร แล้วก็เล่าความชอบใน AKB และเปิดเผยว่าเธอจะไปสมัครออดิชั่น AKB48 ด้วย จากนั้นเพลงก็ขึ้น เพลงนี้เล่าถึงเรื่องราวของสาวน้อยที่ใฝ่ฝันจะออดิชั่นเป็นดวงดาราบนฟากฟ้า ช่างตรงกับจิตใจของฮิโรโกะตอนนี้เหลือเกิน

บทพูดประทับใจ

ฮิโรโกะ: “ยิ่งมีแอนตี้เยอะ ยิ่งแปลว่าเป็นคนดังยังไงล่ะ”

~M03 Boku wa Ganbaru~ (ฉันจะพยายาม) มิโนรุที่ได้ฟังความในใจของฮิโรโกะ ก็ฮยากช่วยให้เธอผ่านออดิชั่นให้ได้ จึงตัดสินใจใช้ความหน้าสวยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ แปลงโฉมเป็นผู้หญิงแล้วสมัครออดิชั่นด้วย เพื่อช่วยสนับสนุนฮิโรโกะให้ผ่าน! เมมเบอร์ขนม่านเปลี่ยนชุดออกมา เปลี่ยนชุดมิโนรุกันกลางเวที จากนักเรียนชายกลายเป็นไอดอลหญิงทันที และนี่คือจุดกำเนิดของ อุราคาวะ มิโนริ…

~M04 Zannen Shoujo~ (สาวน้อยที่น่าเสียดาย) ฉากออดิชั่น คนแรกร้องเพลง Zannen Shoujo จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนร้อง

~M05 Yokaze no Shiwaza~ (เป็นเพราะสายลมกลางคืน) คนรับการทดสอบคนที่สอง โอกาดะ นานะร้อง เป็นเพลงโยคาเสะที่มันมาก เต้นอย่างรวดเร็ว แปลกจนดูตลกแต่เธอก็ร้องด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ สมเป็นมาจิเมะจังครับ มาริกะกับคาโอตันที่เป็นตัวประกอบ รอร้องเพลงอยู่ข้างหลังก็ส่ายหัวไปมา ชี้นิ้วนู่นนี่เรียกความสนใจ ฮ่าๆ

~M06 Scandalous ni Ikou~ (ไป scandalous กัน) ถึงคิวฮิโรโกะ… เธอแค่ออกมายืนข้างหน้าก็ประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก ทำให้โทกาซากิซังไล่ให้ตกทันที มิโนริที่รอออดิชั่นอยู่ข้างหลังก็ทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาบอกให้โทกาซากิซังรอ ให้เธอพร้อมแสดงความสามารถเต็มร้อยก่อน และเสนอว่าจะร้องเพลงดูเอ็ต ร้องคู่กัน ซึ่งพอร้องปุ๊บ สองคนนี้ก็เข้าขากันดีมาก ทำให้ทุกคนบนเวทีต่างลุกขึ้นมาร้องเต้นกันตาม กลายเป็นเพลงออดิชั่นที่สนุกที่สุดไปเลย

บทพูดประทับใจ

โทกาซากิ: “ในวงการบันเทิง เธอต้องเตะคู่แข่งลงไป จะมาเห็นใจกันไม่ได้หรอกนะ”

มิโนริ: “ฉันอยากชนะด้วยความสามารถตนเอง และต้องชนะคู่แข่งในสภาพที่เต็มร้อย ไม่ใช่คู่แข่งที่ไม่พร้อมอย่างนี้”

ถึงเวลาประกาศผลผู้ผ่านออดิชั่นเป็นเคงคิวเซย์ AKB48 รุ่น 12 ทั้งหมดเจ็ดคน ฮิโรโกะผ่านตามคาด ทุกคนแสดงความดีใจปลื้มปิติอย่างล้นพ้น ความรู้สึกพรั่งพรูมาถึงตัวผม ทำให้ผมยิ้มดีใจไปด้วยเลย ส่วนมิโนริก็ดันผ่านเข้าไปด้วยซะงั้น เจ้าตัวถึงกับช็อคยืนจังก้าทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะคิดจะมาช่วยฮิโรโกะเท่านั้น ไม่ได้คิดจะผ่านด้วย

~M07 LOVE CHASE~ บทเปิดตัวนางร้าย โอกาเบะ ไอ (แสดงโดยสุดะ อาการิ) เคงคิวเซย์รุ่น 11 ที่ได้รับการเรียกขานว่าซูเปอร์เคงคิวเซย์ เธอเฝ้ามองออดิชั่นรุ่น 12 อยู่ และคิดว่าต้องจัดการมิโนริกับฮิโรโกะให้เลิกออกไปให้ได้ เมื่อเปิดเพลง เธอก็มาสะบัดแส้ไล่ฟาดสิงสาราสัตว์รับใช้อย่างไม่ปรานี โชว์ภาพมารร้ายเต็มที่…

จบเพลง เหลือทานุกิกับม้าลาย (คาโอตันกับมาริกะ) อยู่บนเวที ออกมาล้อเลียนโอกาเบะ ว่าได้เป้าหมายแกล้งใหม่แล้ว พวกสัตว์รับใช้อย่างเธอจะได้สบายซักที แล้วก็แว้บหายไป เป็นตัวคั่นฉากที่ดีมาก ฮ่าๆ

~M08 Ogoe Diamond~ (เสียงตะโกน Diamond) ฮิโรโกะที่ผ่านเข้าเป็น AKB48 เมื่อกลับมายังโรงเรียนก็กลายเป็นไอดอลในทันที มีแต่คนถามเรื่องราว ถามเบอร์รุ่นพี่ดังๆ มิโนริก็ถึงกับไม่พอใจ แต่โชคช่วยที่ว่า AKB48 มีกฎห้ามมีความรัก จึงทำให้มิโนริโล่งใจว่าฮิโรโกะไม่ไปหลงรักใครเข้าแน่นอน จากนั้นเธอก็ย้อนถามตัวเองที่ดันได้เป็น AKB48 ด้วย ว่าจะเป็น AKB48 ไปทำไม จะเป็นต่อไปดีไหม และก็ผุดคำตอบขึ้นมาว่า **เขาอยากอยู่ใกล้ฮิโรโกะต่อไป อยากให้ฮิโรโกะได้เปล่งประกาย และเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ เขา “ชอบฮิโรโกะ” (Daisuki da!) **นั่นเอง และเพลง Ogoe Diamond ก็ดังขึ้นสะท้อนรับความรู้สึกของเขา

ผ่านไปหนึ่งท่อน ฉากก็เปลี่ยนไปยังห้องฝึกซ้อมเต้นของเคงคิวเซย์รุ่นที่ 12 ที่นั่น โอกาเบะ เคงคิวเซย์รุ่น 11 ที่วางตัวเป็นรุ่นพี่ สั่งให้รุ่นน้องเต้นยาวถึง 12 ชั่วโมงติด ไม่ยอมให้ดื่มน้ำสักอึก พร้อมผลักดันเหตุผลว่าถ้าทำแค่นี้ไม่ได้ก็เลิกเป็น AKB ไปซะ

รุ่น 12 ทั้งหมดต่างก็เหนื่อยจนขยับไม่ได้ ตอนที่หลายคนหมดกำลังใจนั่นเอง มิโนริก็ลุกขึ้นพูดว่าพวกเธออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเกินไป หากเต้นได้ก็มีเวที มีแขกรอชมการแสดงของพวกเธออยู่แล้ว แต่สมัย AKB รุ่นแรก รุ่นพี่ต่างฝึกซ้อมกันโดยไม่รู้ว่าจะมีใครมาดูการแสดงไหม แต่พวกรุ่นพี่ก็ยังฝึกซ้อมโยดไม่ย่อท้อ แล้วพวกเธอจะท้อแค่นี้ได้อย่างไร ทำให้ทุกคนมีแรงฮึด ลุกขึ้นมาอีกรอบ

~M09 RIVER~ เมื่อแต่ละคนวอร์มร่างกายจนครบนับ 48 เสียงคอลเพลง RIVER ก็ดังขึ้น… เคงคิวเซย์รุ่น 12 เต้นเพลง RIVER อย่างทรงพลัง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ “ข้ามแม่น้ำ” การฝึกอันทรหดของโอกาเบะไปให้ได้ การเต้นอันรุนแรงของพวกเธอ ทำให้ผู้ชมอย่างผมเร่าร้อนตามด้วยเลย ไม่เคยเห็น RIVER ที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อนในคอนเสิร์ตไหนๆ…

การเต้นนี้ไปต้องสายตาโปรดิวเซอร์อากิโมโตะ ยาสุชิเข้า อากิโมโตะเซ็นเซย์ จึงออกมาประกาศเรื่องสำคัญสองเรื่องแก่เคงคิวเซย์รุ่น 11-12 ด้วยตนเอง (ประกาศผ่านเสียง ไม่มีนักแสดง)

  1. เซ็นเตอร์ของเคงคิวเซย์คือมิโนริ
  2. กำหนดภารกิจให้เคงคิวเซย์ โดยจะคิดค่าตั๋วสเตจถึง 10,000 เยน เป็นราคา 10 เท่าของราคาตั๋วสเตจแรกสุดของ AKB48 เคงคิวเซย์จะต้องเรียกลูกค้าเข้ามาให้เต็มเธียเตอร์ 250 คน ภายในเวลาสองเดือนให้ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนจะโดนปลดออกจาก AKB48!

โอกาเบะที่คิดว่าตัวเองที่สมบูรณ์แบบจะต้องได้เป็นเซ็นเตอร์ เมื่อได้ฟังประกาศเซ็นเตอร์ก็ถึงกับช็อค วิ่งหนีออกไปทันที ส่วนทุกคนที่ฟังภารกิจข้อสอง ต่างก็ถึงกับท้อแท้ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่แยกย้ายกันกลับบ้านไป

บทพูดประทับใจ

อากิโมโตะเซ็นเซย์: “AKB48 ไม่ต้องการคนที่มีเทคนิคและช่างประจบ AKB48 ต้องการคนที่พยายามจากก้นบึ้งหัวใจต่างหาก”

~M10 Yuuhi wo Mite iru ka?~ (เธอมองอาทิตย์อัสดงนั้นอยู่ไหม) บนเวทีเหลือเพียงฮิโรโกะและมิโนริ ที่ยังตกใจกับคำประกาศสองข้อจากอากิโมโตะเซ็นเซย์ แต่ถึงกระนั้น ฮิโรโกะก็มองโลกในแง่ดี คิดว่าเป็นเรื่องสนุก ฮิโรโกะได้พูดขอบคุณมิโนริที่เป็นผู้นำเคงคิวเซย์เสียที และทั้งคู่ต่างก็เรียกชื่อกันและกัน ไม่เรียกนามสกุลอันห่างเหินอีกต่อไป… ฮิโรโกะกับมิโนริจับมือกันเป็นครั้งแรก ทำเอามิโนริดีใจหน้าแดงแปร๊ดเลย (ซาเอะแสดงบทอายได้เวอร์มาก ตะโกนโว้ววว ดังลั่น 555)

บทพูดประทับใจ

ฮิโรโกะ: “ถึงจะลำบาก แต่ฉันก็สนุก ขอแค่คิดว่าสนุกก็ฝ่าฟันทุกอย่างได้”

~M11 Mushi no Ballad~ (Ballad ของแมลงตัวจ้อย) ก่อนถึงวันแสดงสเตจวันแรก เคงคิวเซย์ต่างฝึกซ้อมกันอย่างสุดชีวิต แต่มิโนริก็ได้รู้ถึงสิ่งหนึ่งที่พวกเธอขาดไป คือผู้มีประสบการณ์นั่นเอง… เธอวิ่งฝ่าฝนออกไปตามหาโอกาเบะ ซึ่งร้องเพลง Mushi no Ballad อย่างสิ้นหวังกลางสายฝนอยู่ แล้วเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับมาร่วมฝึกซ้อม

ทว่าโอกาเบะไม่ยอมฟัง หาว่ามิโนริจะไปเข้าใจความเจ็บปวดของเธอที่โดนแย่งความฝันไปได้ยังไง แต่พอมิโนริโชว์แขนตัวเองที่มีแผลใหญ่จากการเล่นเบสบอลแล้ว โอกาเบะก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แม้จะเข้าใจแต่ก็ไม่อยากยอมรับ จึงตะโกนด่ามิโนริ “เกลียดที่สุด” และวิ่งหนีไป ปรากฏว่าเธอกระโจนออกไปกลางถนน จะโดนรถชนแล้ว แต่มิโนริก็พุ่งไปผลักเธอช่วยให้รอดจากการชนมาได้ แต่ก็แลกกับข้อเท้ามิโนริที่พลิกไปก่อนวันขึ้นแสดงโคเอ็นวันเดียว… เธอลากข้อเท้าพลิกนั้นกลับเข้าหลังเวทีไป พร้อมทิ้งบทพูดที่ผมประทับใจที่สุดในเวทีครั้งนี้ “หากมีคนที่โอชิเธออยู่แม้สักคน ก็ต้องพยายามสิ… นี่ล่ะคือสิ่งที่เรียกว่าผู้ชาย!”

บทพูดประทับใจ

โอกาเบะ: “ฉันฝันจะเป็นเซ็นเตอร์ อยากขึ้นไปยืนบนเวทีโดมคอนเสิร์ต ให้ทุกคนเงยหน้าจับจ้องมองฉันคนเดียวเท่านั้น!!”

มิโนริ: “กว่าจะเผยใจจริงออกมานะ ความฝันของตัวเองน่ะ ต้องพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้สิ”

มิโนริ: “ดูแผลที่แขนฉัน ฉันไล่ตามฝันตัวเองไม่ได้แล้ว ด้วยสภาพแขนอย่างนี้ แต่เธอล่ะ ร่างกายยังแข็งแรงดี จะมัวหยุดอยู่กับที่ ให้ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่อย่างนี้เหรอ?”

— พักการแสดง 15 นาที —

~M12 Uhho Uhhoho~ มาถึงวันแรกของสเตจเคงคิวเซย์ กับผู้ชมที่จ่ายเงินเพียงหกคน… ฮิโรโกะที่แอบเปิดม่านเห็นความจริงถึงกับแข็งเป็นหินไปเลย (แข็งจริงๆ คนอื่นเข้าไปถ่ายรูป โพสท่าด้วย ฮามาก)

เพลงเริ่ม เคงคิวเซย์ทั้ง 16 คน รวมมาริกะในชุดไอดอลแสนสวย ก็เต้นอุโฮะอย่างเต็มที่ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อข้อเท้าที่พลิกของมิโนริทำให้เธอสะดุดล้ม และเรื่องก็แดงถึงโทกาซากิซัง สั่งให้หยุดการแสดงทันที แต่มิโนริที่อยากทำให้สเตจครั้งแรกนี้สำเร็จให้ได้ไม่ยอม พยายามลุกขึ้น โอกาเบะจึงช่วยพันพ้าพันแผลให้ข้อเท้าเธอดีขึ้น แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากช่วย เกลียดที่สุดก็ตาม นี่สินะ ซึนเดเระเจ้าแม่… อาการิตีบทแตกมาก

เมื่อมิโนริพร้อม เพลงก็ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้ทุกคนเต้นกันแรงยิ่งกว่าเดิม ความเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม ทำให้สเตจจบลงด้วยความสำเร็จ

คั่นเปลี่ยนฉากด้วยคุณป้าทำความสะอาด คาโอตันและมาริกะเช่นเดิม ตัวสั่นงันเงิก ชมเด็กๆ เคงคิวเซย์ชุดใหม่กันในสำเนียงป้าแก่ที่ฟังแทบไม่ออก เล่นได้ฮาถึงพริกถึงขิงจริงๆ 55

~M13 Kagami no Naka no Jean Da Arc~ (Jean Da Arc ในกระจก) จบสเตจครั้งแรก เมมเบอร์ต่างชมกันและกัน แต่ทว่า คำชมนั้นไม่ได้ช่วยให้พวกเธอเติบโตเลย เป็นเพียงการเลียแผลซึ่งกันและกัน มิโนริกับโอกาเบะจึงลงมาด่า ถามความเห็นจริงๆ จนทำให้เมมเบอร์เผยความในใจออกมา ว่าคนนู้นว่าคนนี้ว่าทำอะไรไม่ได้บ้าง เมื่อเริ่มมีปากเสียง เพลงก็ดังขึ้น ทุกคนหยิบชุดเกราะ หยิบดาบหยิบโล่ขึ้นมารบกันราวกับอยู่ในสนามรบจริงๆ ผมเพิ่งเคยเห็นไอดอลในชุดเกราะต่อสู้กันก็วันนี้นี่แหละครับ รุนแรงแต่ก็สวยงามเหลือเกิน

บทพูดประทับใจ

มิโนริ: “การเผยความไม่พอใจออกมาซึ่งกันและกันน่ะ คือโอกาสเติบโตชั้นยอด”

จบเพลง ทุกคนต่างก็โล่งที่ได้ปลดปล่อยความอัดอั้นในใจจนหมด แล้วก็ตัดฉากไปยังมอนิเตอร์ ข้อความจากเว็บบอร์ด 2ch ปรากฏขึ้นบนจอ คอมเมนต์ที่มีต่อการแสดงของเคงคิวเซย์ราคาหนึ่งหมื่นเยนนั้นหลากหลาย แต่มีคอมเมนต์หนึ่งที่อิมแพ็คแรงมาก… “ฉันเห็นพระเจ้า”

วันเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ผู้ชมยังไม่มีวี่แววว่าจะเต็ม 250 คน ฮิโรโกะจึงแอบไปแจกใบปลิวโฆษณาตามที่ต่างๆ โดยไม่บอกใคร เมื่อโอกาเบะรู้เข้า เธอก็เรียกให้เคงคิวเซย์คนอื่นมาช่วยกันด้วย คนที่มีศักดิ์ศรีสูงอย่างโอกาเบะกลับทำอะไรจืดชืดที่ต้องอาศัยเวลาอย่างนี้ ทำให้เคงคิวเซย์คนอื่นประหลาดใจกันทีเดียว ไม่คิดว่าเธอจะทำอย่างนี้ได้

ส่วนมิโนริ เธออยากเข้าใจความรู้สึกของแฟนๆ ว่าเป็นอย่างไร จึงไปหาครูประจำชั้นซึ่งฮิโรโกะบอกว่าโอชิมิโนริอยู่ เธอแอบดูครูซึ่งชวนนักเรียนไปดูสเตจเคงคิวเซย์ด้วยกัน แต่ก็โดนหัวเราะเยาะอย่างมองว่าไร้สาระ ปัญญาอ่อน

มิโนริจึงไปถามครูว่าทำไมถึงชอบเธอขนาดนี้ ครูจึงตอบว่า ที่จริงเขาท้อแท้อยู่ สงสัยว่าตัวเองเหมาะกับการเป็นครูไหม แต่พอเขาได้เห็นมิโนริบนเวทีวันแรก ซึ่งแม้ขาจะพลิกแต่เธอก็ยังลุกขึ้นสู้และพูดว่า “ถึงขาจะหัก แต่ใจฉันไม่หัก” เขาก็ได้รับได้แรงบันดาลใจที่จะมีชีวิตต่อไป ขอเพียงแค่เธอมีรอยยิ้มอยู่ เขาก็มีความหวังที่จะมีชีวิตต่อไปแล้ว... และนั่นจึงทำให้มิโนริเข้าใจความรู้สึกของแฟนๆ อย่างแท้จริง

~M14 Tomo Yo~ (เพื่อนเอ๋ย) วันสุดท้ายก่อนถึงวัน “X-Day” สองเดือนหลังจากประกาศภารกิจ บอร์ด 2ch ต่างมีคำถามว่าสเตจของเคงคิวเซย์จะคุ้มค่าหนึ่งหมื่นเยนหรือ ทุกคนจะไปกันไหม แน่นอนว่าความเห็นแบ่งแยกกันหลากหลาย แต่แล้วก็มีความเห็นหนึ่งที่กระทบจิตใจของทุกคน ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันไปดูสเตจทันที

หากพวกเธอเรียกลูกค้า 250 คนไม่ได้

ความฝันของพวกเธอจะจบลงในวันพรุ่งนี้

ถ้าหนึ่งหมื่นเยนนี้ทำให้ฉันได้เห็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของพวกเธอ

มันก็เป็นเพียงเงินที่น้อยนิด”

ผมอ่านแล้วถึงกับขนลุกเลย ด้วยข้อความนี้ ทำให้เสียงตอบรับจากเว็บบอร์ด และยอดตั๋วจองออกมาดีมาก แต่แล้วก็เกิดวิกฤติขึ้น ก่อนเวลาแสดงวันสุดท้ายหนึ่งชั่วโมง ฮิโรโกะเกิดเป็นลมหมดสติเพราะความเหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมและแจกใบปลิวจนดึกดื่นทุกวัน มิโนริที่รู้ข่าวเข้าก็ถึงกับหน้าซีดนิ่งสนิทไปเลย…

M15 Boku no Sakura (ต้นซากุระของฉัน) เมื่อฮิโรโกะขึ้นเวทีไม่ได้ มิโนริก็หมดแรงบันดาลใจที่จะพยายามต่อไป เธอย้อนมองอดีตตัวเองอีกครั้ง ถึงวันที่เจอกับฮิโรโกะวันแรกในห้องสมุด หลังวันที่เขาทำให้ทีมเบสบอลแพ้ สูญสิ้นความฝันไป ฮิโรโกะพยายามให้กำลังใจเขาด้วยการหาหนังสือดีๆ มาให้อ่าน แต่หนังสือที่หยิบมาต่างเป็นหนังสือเกี่ยวกับความตาย ความล้มเหลวทั้งสิ้น ทำเอามิโนริหลุดขำออกมา แต่นั่นก็คือเหตุการณ์แรกที่ทำให้มิโนริกับฮิโรโกะพบพานกัน และตั้งแต่วันนั้น ฮิโรโกะก็คือไอดอลในดวงใจของมิโนริ… ไอดอลผู้สร้างความฝันให้กับเขา

พอรู้อย่างนั้นแล้ว มิโนริก็กระโจนออกจากเธียเตอร์ ตรงไปหาเธอที่โรงพยาบาลทันที แม้โอกาเบะจะพยายามขวาง ย้ำถึงความรับผิดชอบของเซ็นเตอร์ไว้ เธอก็ไม่ฟัง

บทพูดประทับใจ มิโนริ: “ไอดอล คือผู้มอบความฝันนี่เอง…”

M16 Kimi wa Pegasus (เธอคือเปกาซัส) พวกโอกาเบะที่ยังเชื่อมั่นในมิโนริ ขอให้โทกาซากิซังเลื่อนเวลาเปิดการแสดงไป 30 นาที เคงคิวเซย์ต่างขึ้นเวทีเต้นเพลง Kimi wa Pegasus กันเพื่อถ่วงเวลา เพลงนี้ผสานฉากสเตจ เข้ากับฉากรำพึงรำพันถึงฮิโรโกะ สำหรับมิโนริแล้ว ฮิโรโกะคือเปกาซัสผู้สูญเสียปีกไป ไม่อาจโบยบินได้อีก แม้จะอยากช่วยเท่าไรก็ช่วยไม่ได้ มีผู้คนขวางกั้นไว้ (เมมเบอร์ที่เต้นเพลงเป็นคนขวาง พรากทั้งคู่จากกัน) เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมคิดว่าเท่ที่สุดแล้ว เมมเบอร์ในเสื้อโค้ตสีขาวบริสุทธิ์ ราวกับองครักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่กั้นไม่ให้เจ้าชายกับเจ้าหญิงได้พบกัน…

เมื่อเพลงจบ มิโนริก็นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้กับฮิโรโกะ เธอต้องตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะเลือกผู้หญิงที่ชอบ หรือจะเลือก AKB48… ทันใดนั้นเอง ฮิโรโกะก็ละเมอลุกขึ้นมาพูดความฝันของเธอให้ฟัง ว่าเธอมีความฝันใหม่แล้ว นอกจากการเข้า AKB48 นั่นคือการขึ้นเป็นสมาชิกเซ็นบัตสึด้วยกันกับมิโนริ เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น มิโนริก็รู้สึกตัว และตัดสินใจสร้างความฝันใหม่ขึ้นมาทันที นั่นคือ “การเป็นเซ็นบัตสึด้วยกันกับฮิโรโกะ” นั่นเอง แล้วมิโนริก็กระโจนออกไป

M17 AKB Sanjou (AKB ปรากฏกาย) ที่สเตจ เมมเบอร์ทุกคนต่างพยายามเต้นถ่วงเวลา รอมิโนริกลับมา แต่มิโนริก็ไม่กลับมา พวกเธอพร้อมรับชะตากรรมไล่ออกจาก AKB48 แล้ว แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อ ถามวันเปิดรับออดิชั่นรอบใหม่ พวกเธอจะกลับมาสมัคร และเป็นเคงคิวเซย์อีกรอบกันให้ได้

วินาทีสุดท้ายก่อนยกเลิกสเตจนั้นเอง มิโนริก็กลับมาขึ้นเวที แม้จะช้าไปบ้างแต่ก็เธอก็ขอโทษทุกคน และขอขึ้นเวทีอีกรอบ แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ยินดี แม้โอกาดะ นานะอยากจะตบหน้ามิโนริซักเปรี้ยง แต่เธอก็ห้ามไว้ และตบหน้าตัวเองแทน ขอให้มิโนริมาพยายามด้วยกันอีกครั้ง

เมื่อเซ็นเตอร์มาแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มโคเอ็นจริง และถึงเวลาประกาศผลยอดขายตั๋ว… _ยอดขายทั้งสิ้นอยู่ที่ 249 ใบ _ขาดไปหนึ่งใบ… ทุกคนก็พร้อมรับชะตากรรมถูกไล่ออก แต่แล้วผู้ชมคนสุดท้าย ครูประจำชั้นของพวกเธอซึ่งแจกตั๋วไปจนไม่มีเงินซื้อตั๋วของตัวเอง ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของผู้ชมทั้งหมด 250 คน ด้วยเหตุนี้ ภารกิจของเคงคิวเซย์ในการเรียกลูกค้า 250 คนให้มาชมสเตจราคา 10,000 เยนภายในสองเดือนจึงประสบความสำเร็จ เพลง AKB Sanjou ท่อนสุดท้ายดังขึ้นอีกรอบ เป็นสัญญาณให้เมมเบอร์ทุกคนเต้นอย่างปลื้มปิติสุดๆ

M18 Aitakatta (อยากเจอเธอเหลือเกิน) แสดงสเตจอันประสบความสำเร็จของเหล่าเคงคิวเซย์ ทุกคนต่างเต้นกันอย่างสนุกสนาน ปลดปล่อยภาระความกดดันทั้งหมด ผู้ชมก็ได้ใช้ไซเลียมโบกกันอย่างเมามันราวกับคอนเสิร์ตจริงๆ ตลกครูประจำชั้นมาก วิ่งว่อนข้างหน้าเวทีเลย ดูสนุกไปกับการแสดงจริงๆ ^^

Ending

~EN1 Sakura no Hanabiratachi~ (กลีบดอกซากุระทั้งหลาย) นักแสดงออกมาโค้งทำความขอบคุณผู้ชม เสียงปรบมือดังลั่นแก่เมมเบอร์ทุกคน เป็นอันจบการแสดงมิวสิกคอลยาวสองชั่วโมงครึ่งนี้ ซาเอะซึ่งแสดงเป็นพระเอก มิโนริ กล่าวปราศรัยขอบคุณผู้ชม เล่าถึงภาระที่เมมเบอร์แต่ละคน ซึ่งเข้ามาต่างรุ่นกัน ต้องแบกรับแตกต่างกันไป แต่ก็หนักอึ้งไม่แพ้ในเรื่อง และก็สัญญาว่าจะแสดงละครเวทีครั้งต่อๆ ไปให้ดียิ่งขึ้นอีก

~EN2 First Rabbit~ การแสดงเพลงสุดท้ายของเวทีนี้ ให้ผู้ชมทุกคนได้โบกไซเลียม ยิงมิกซ์กันเหมือนคอนเสิร์ตจริงๆ นี่ล่ะคือการจบอย่างสมเป็น AKB48G ที่สุด จบด้วยเพลงอันเปี่ยมไปด้วยความหวังและสนุกสนานเพลงนี้

สรุป

Musical AKB49 ทำให้ผมประทับใจแบบสุดๆ ร้องไห้ตอนไคลแมกซ์ ช่วงที่ทุกคนสิ้นหวังกับตัวเลข 249 คนเลย T T ทุกคนตีบทแตก แสดงอารมณ์สนุก อารมณ์ความสุข อารมณ์ความเศร้าทะลุ 200% ของคนปกติ ยิ่งเป็นเรื่องราวที่อิง AKB48 จริง ยิ่งทำให้แต่ละคำพูดของพวกเธอมีน้ำหนักเหลือเกิน ผมได้สัมผัสกับตัวเองเลยว่า การมีอารมณ์ร่วมกับนักแสดงนั้นเป็นอย่างไร

มิวสิคอลครั้งแรกของ AKB48G นี้ ผมคิดว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยเนื้อเรื่องของ AKB49 ที่ดีอยู่แล้ว ประกอบกับเพลง AKB ที่เลือกสรรมาอย่างลงตัว ทำให้ความหมายของเพลงซาบซึ้งกินใจมาก เสียงเพลงที่ร้องกันสดๆ ทำให้อารมณ์นักแสดงแทงทะลุถึงหัวใจ ผมไม่เคยดูการเต้นและขับร้องที่ทำให้ประทับใจถึงขนาดนี้มาก่อน รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้ดู ไม่ต้องมีโอชิ ไม่ต้องมีเมมเบอร์ที่รู้จักก็ยังน่าดูเลย

มีคำถามในเรื่องว่า คุณจะยอมจ่ายเงินซื้อตั๋วโคเอ็นเคงคิวเซย์ในราคาหนึ่งหมื่นเยนไหม ถ้าเปลี่ยนเป็นตั๋วมิวสิคอลนี้ ผมยินดีซื้อเลย เพราะมีคุณค่าทางจิตใจมากๆ (ราคาจริง 6800 เยน) กลับกัน ถ้าเป็นตั๋วโดมคอนเสิร์ต ผมไม่ซื้อแน่ ดูการแสดงที่ไม่เชื่อมโยงกับสตอรี่เบื้องหลังจากระยะไกลๆ ไม่มีคุณค่าพอสำหรับจำนวนเงินขนาดนั้น…

ภาพ:ผมได้ตั๋วโคเอ็นเคงคิวเซย์วัน X-Day ที่ครูประจำชั้นมิโนริลงมาเดินแจกเรียกผู้ชมเป็นของที่ระลึกด้วย เล่นแจกซะจนไม่เหลือของตัวเอง ฮะๆ… (ตั๋วใช้จริงไม่ได้นะ)

IMG_20140912_155809