อา. 2013/3/10
ผมไปงานจับมือเดี่ยว AKB48 ครั้งแรกที่โตเกียวมา เป็นงานจับมือเดี่ยวของซิงเกิล UZA ซึ่งต้องจองแผ่น theater ver. ล่วงหน้าและระบุชื่อเมมเบอร์ที่ต้องการจับมือด้วย ในงานจับมือเดี่ยว เมมเบอร์ทั้งหมดของตระกูล AKB48 จะมาเข้าร่วม ถ้าได้จองแผ่น-เมมเบอร์คนนั้นๆ ไว้ก็จับมือได้ รายละเอียดงานจับมืออ่านได้ในกระทู้ http://pantip.com/topic/30181083 ครับ
แผ่นเธียเตอร์ของ AKB48 ต้องจองล่วงหน้าเกือบครึ่งปี สำหรับ UZA นี้ผมซื้อแผ่นเมื่อเดือนมกราคม เป็นช่วงที่เรียกว่า 再再販 คือขายแผ่นที่โดนตีกลับจากผู้ซื้อ เลยมีโอกาสถูกสลากซื้อแผ่นน้อยมาก ทำให้ผมได้บัตรจับมือของมิโอะ, มาโดกะ, มาริกะ (สองใบ) รวมเป็นสี่ใบเท่านั้นเอง… แต่พอดี AirAsia จัดโปรโมชั่นลดราคาตั๋วเครื่องบิน ไปกลับฟุกุโอกะ-โตเกียว 5000 เยน เลยลองไปเอาประสบการณ์ดูซักครั้งนึง
สถานที่จัดงานครั้งนี้คือ Makuhari Messe (幕張メッセ) จังหวัดชิบะ อีเวนต์งานจับมือเดี่ยวของ AKB48 ถือเป็นอีเวนต์ที่ใหญ่มากๆ คนเข้าร่วมหลักหมื่น เลยต้องจองหอแสดงสินค้าทั้งหอเลย
บัตรจับมือที่ผมมี 4 ใบเท่านั้น ค่าแผ่นรวม 4000 เยน ถ้าไม่มีโปรโมชั่นเครื่องบินผมคงทิ้งล่ะ เดินทางไปไม่คุ้มแน่
คนแรกที่จับมือด้วยคือมิโอะตัน (Tomonaga Mio) น่ารักน่ากอดที่สุดในโลกแล้ว >_< บัตรหนึ่งใบจับมือได้ประมาณสิบวินาที มีเจ้าหน้าที่จับเวลา เมื่อใกล้หมดเวลาก็จะตบบ่าเราให้ออก ถ้าไม่ยอมออกก็โดนดึงไปเลย
ต่อจากนี้จะเป็นรีพอร์ตบทสนทนาที่ผมได้คุยกับเมมเบอร์ตอนจับมือและความรู้สึกครับ
1.โทโมนากะ มิโอะ (หนึ่งใบ)
มิโอะมาในชุดขาว น่ารักโคตรๆ คือผมตัวสูงแล้วมิโอะตัวเตี้ย เลยโดนสายตาใสซื่อบริสุทธิ์เงยมองขึ้นมา แป๋วจนเห็นแล้วจะละลายตายเลย
ผม: (จับมือ) ยินดีที่ได้รู้จัก
มิโอะ: อ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ผม: นี่ๆ พูด mioshutsubotsuchuu 3 ครั้งติดซิ (เป็นคำที่มิโอะใช้บ่อยๆ ใน G+ และเจ้าตัวพูดลิ้นพันกันตลอด)
มิโอะ: mioshutsubotsuchuu mioshutsubotsuchuu mioshutsubotsuchuu (พูดชัด ไม่ผิด!)
ผม: โอ้ ทำได้ดีมาก บ๊ายบาย
[หมดเวลา]
ผม: บ๊ายบาย~ (โบกมือเดินออก มิโอะโบกมือยิ้มให้)
ไม่คิดว่ามิโอะจะพูดคำยากนี้เร็ว-ชัดได้ เลยปรากฏว่าจบก่อนเวลาสิบวินาทีซะงั้น ราวสองวินาทีสุดท้ายกลายเป็นว่าโบกมือให้กันเฉยเลย เฟลนิดๆ 555+
ตอนมิโอะพยายามพูดคำนี้สามรอบ ผมยังจับมือซ้ายอยู่ ส่วนมือขวามิโอะยกไปข้างตัว ทำท่ากำมือแบบพยายามเบ่งเสียงให้ชัด (อารมณ์ งื้อ~) แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ หวานๆ เป็นเอกลักษณ์… น่ารักโคตรๆ จนไม่รู้จะชมยังไง และอีกเรื่องคือ มือนิ่มสุดๆ ยังกับมือเด็กเล็กแน่ะ อยากสัมผัสไปอีกนานๆ
อนึ่ง บนโต๊ะมิโอะมีตุ๊กตาหมูสีชมพูอยู่ คาดว่าคงเป็นตัวที่เจ้าตัวนอนด้วยทุกคืนแน่ๆ อยากทักอยู่หรอกนะ แต่ไม่มีเวลา
2.ทานิ มาริกะ (สองใบ)
มาริกะ เพื่อนซี้จิโยริ เป็นโอชิเมมในรุ่นสองของผม เลยซื้อบัตรมาสองใบ เข้าไปจับมือหลังมิโอะ
เลนมาริกะโล่งมาก เข้าไปตรวจบัตรเสร็จ ต่อแถวคนสองคนก็ได้จับเลย เป็นปกติของเลนเคงคิวเซย์ทุกวง ที่จะโล่งๆ ไม่ค่อยมีคนมาจับมือด้วย ผิดกับระดับเซ็นบัตสึที่คิวยาวเฟื้อย
รอบแรก
ผม: (จับมือ) ยินดีที่ได้รู้จัก
มาริกะ: ยินดีที่ได้รู้จัก ทานิ มาริกะค่ะ! (ยื่นหน้า)
ผม: รู้ไหมนี่อะไร (ชี้เสื้อช้างการ์ตูนโชว์ มาริกะมองแป๊บนึง)
มาริกะ: มินะโซซัง! (โซ=ช้าง)
ผม: อื้ม ช้างล่ะ
มาริกะ: ว่าแล้วเชียว
ผม: เรามาจากไทยล่ะ ชื่อชุย
มาริกะ: ชุยซังเหรอคะ ทานิ มาริกะค่ะ มาจากไทยเลยเหรอเนี่ย
[หมดเวลา]
ผม: เดี๋ยวมาใหม่นะ (โบกมือบ๊ายบาย)
มาริกะ: (ทำเสียงฮีเลียม) บ๊ายบาย
รอบแรกแนะนำตัวซึ่งกันและกัน มาริกะโคตรกุยกุยเลย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก แล้วพูดชื่อตัวเองตั้งสองรอบ พฤติกรรมสมกับที่คิดจะให้ผู้ชมจำชื่อตัวเองได้เวลาออกรายการอยู่ตลอดเวลา
เว้นช่วงราว 2-3 นาที เข้ารอบสอง
(เดินเข้าไป มาริกะหันหน้ามาหลังบ๊ายบายคนก่อนหน้า)
มาริกะ: อ๊ะ! มินะโซซัง! ชุยซัง! (เสียงเริงร่าสุดๆ)
ผม: รอบสุดท้ายแล้วล่ะ
มาริกะ: จะกลับแล้วเหรอคะ?
ผม: อืม นี่ๆ “เส้นขอบ 90 องศา” มันเป็นยังไงเหรอ?
มาริกะ: (ทำท่าเก๊ก ชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ตั้งฉากมาทาบที่ขอบหน้า)
ผม: โอ้ ตอนงานถ่ายรูปขอท่านั้นด้วยนะ
[หมดเวลา]
มาริกะ: ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ผม: บ๊ายบาย
มาริกะน้ำเสียงร่าเริงมากๆ แค่ได้ยินเสียงก็ยิ้มตามแล้วล่ะ ที่เหนือความคาดหมายคือมาริกะจำและนึกชื่อเราออกทันทีเลย ความเอาใจใส่ลูกค้าสูงมากๆ เห็นแล้วทึ่ง
ท่าเก๊กเส้นขอบ 90 องศา (ชื่อเล่นมาริกะที่จิโยริเรียก) เห็นแล้วฮาพรูดจริงๆ คือหน้าเจ้าตัวก็ฮาอยู่แล้วน่ะนะ แล้วดันทำหน้าประมาณว่าท่านี้เจ๋งสุดในปฐพีตอนโพสต์ท่าอีก ช่างมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน แต่ก็ต้องอย่างนี้แหละถ้าจะมาสายวาไรตี้ บ้าให้ถึงที่สุด จนปรากฏว่าไม่ได้มองชุดมาริกะเลยแม้แต่น้อย เห็นแต่หน้า 55+
จับมือกับมาริกะก็ไม่ผิดหวังอีก ชื่นชมความร่าเริงและความเอาใจใส่ เจ้าตัวคงรู้ดีว่าอยากให้คนที่มาจับมือด้วยสนุก เฮฮากลับไป ก็เลยทุ่มเทความวาไรตี้ของตัวเองเต็มที่ เชื่อว่าถ้ารีเควสอะไรฮาๆ ก็คงทำตอบแน่ๆ
3.โมริยาสุ มาโดกะ (หนึ่งใบ)
ผม: สวัสดี มาโดกะสวยจริงๆ นะเนี่ย
มาโดกะ: เอ๋ ไม่หรอกค่ะ (เบิกตาโต)
ผม: ตกผมหน่อยครับ
มาโดกะ: ตกเหรอคะ? อืม… (กลอกตาคิดวินึง)
มาโดกะ: จะทำให้คุณหลงใหลเลย (โพสต์ท่าในแคชเฟรส, ขยิบตาให้)
ผม: โอเค!
[หมดเวลา]
ผม: แล้วจะไปดู aruaru นะ เจอกันวันพุธ!
มาโดกะแต่งชุดสีฟ้าเปิดไหล่สองข้าง สวย… อธิบายได้คำเดียวจริงๆ เข้าไปใกล้ๆ มองหน้ามาโดกะแล้วรู้สึกว่าตัวเองฟรีสไปครึ่งวินาทีก่อนจะพูด หน้าคม จมูกโด่ง แล้วก็… หน้าผากเหม่งจริงๆ พอดีตำแหน่งหน้าผากตรงกับตาผมพอดี เลยเข้าสายตาเป็นอันดับแรกน่ะ
กับมาโดกะนี่ไม่ได้คิดมุขคุยเลย แค่อยากรู้ว่าจะถ้าขอให้ตกปลาจะทำยังไง ปรากฏว่ามาโดกะไม่ได้เตรียมไว้ล่ะมั้ง เลยพูดแคชเฟรสของตัวเองแบบยิ้มๆ เฉยๆ พูดตามตรงว่าไม่โดนตกอะ ฮ่าๆ นึกว่าเรียนเทคนิคจากมิลกี้มาแล้วจะมีอะไรเด็ดๆ เตรียมไว้ แต่ได้วิงค์งามๆ ระยะประชิดก็มีความสุขแล้วล่ะ ^^
หลังจับมือแต่ละคนเสร็จ ตอนเดินออกจะผ่านเตนท์จับมือของสมาชิกคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กัน แอบมองข้างในเตนท์ได้บ้าง เห็นจิโยริในชุดเหลืองแวบนึง กำลังยืนว่าง เห็นแล้วอยากไปจับมือจริงๆ แต่ไม่มีบัตร ทำไม่ได้ T____T
สรุปแล้ว ถึงเราจะได้จับมือแค่สี่ใบ สามคน แต่ความรู้สึกหลังจับเสร็จนั้นอิ่มเอมคุ้มค่าและเวลาเดินทางจริงๆ เมมเบอร์ทุกคนตั้งใจพูดคุยและทำให้ผู้จับมือสนุกในแบบของตัวเอง (*ยกเว้นพวกชิโอะไทโย) เข้าใจชัดแล้วว่าทำไมโอตะทั้งหลายถึงติดใจงานจับมือกัน และซื้อแผ่นเป็นร้อยๆ เพื่อจับมือแบบนี้ ความสุขที่ได้รับนั้นประเมินค่าไม่ได้เลยจริงๆ
ex.รีพอร์ตจากเพื่อน: มิยาวากิ ซากุระ (หนึ่งใบ)
รีพอร์ตนี้ขออนุญาตคัดลอกมาจากเพื่อน (ผู้หญิง) ที่ไปงานจับมือด้วยกันแล้วไปจับมือซากุระมาครับ
ซากุระตัน 1ใบ น้องใส่ชุดแบบโฆษณาdocomo ใส่หมวกเห็ดด้วย (ค่อดน่ารัก…..)
ก : หวัดดี
ซ : หวัดดีค่ะ
ก : หมวกเห็ดน่ารักมากเลยนะ
ซ : ขอบคุณค่ะ นี่หมวกจากโฆษณาdocomoค่ะ
ก : เค้าว่ากันว่าเราbusinessเมล่อนปัง นี่จริงป้ะ?
ซ : ไม่จริงค่ะ!!!! ฉันชอบจริงๆนะคะ (ยื่นหน้ามาใกล้ๆ + ทำหน้างอน โดนดาเมจรุนแรง)
ก : เอ๋.. แล้วมีแนะนำบ้างมั้ย
ซ : ของเซเว่นค่ะ!!!
ก : โอ้.. 2โอชิล่ะ..
หมดเวลา/
ก : ไว้มาใหม่นะ
ซ : ไว้เจอกันใหม่นะคะ
แล้วก็ไฮทัชกับซากุระตันก่อนออก.. เป็นคนเดียวที่ไฮทัชเลยมั้งเนี่ย ร้ายอ่ะเด็กคนนี้ อ่อ ซากุระตันไฮทัชกับทุกคนก่อนออกนะคะ.. เลยบอกว่าร้ายอ่ะ
อ่านแล้วช่างสมคำคุย “โปรโลลิ” จริงๆ… ไม่แปลกที่ความนิยมจะล้นหลาม